วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

ผลตอบแทน SET Q1 2555

SET Index ไตรมาส 1 ของปี 2555 จบไปที่ระดับ 1,196.77 จุด ** เพิ่มขึ้น 16.72% ** จากสิ้นปี 2554 (ส่วน SET50 Index เพิ่มขึ้น 17.33%)

ตัวเลข 16.72% นี้น่าสนใจ เพราะสามารถใช้เป็นตัววัดเปรียบเทียบ (Benchmark) ผลการลงทุนของแต่ละท่าน ว่าเทียบกับตลาดโดยรวมแล้ว ท่านเก่งกว่า หรือ ตลาดเก่งกว่า

ส่วนใครที่ตัวเลขไม่ถึง 16.72% ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะพอร์ตสินทรัพย์การลงทุนของเรา อาจไม่ได้มีหุ้นสามัญเต็มทั้ง 100% ก็ได้ ... หากลองคำนวณดูคร่าวๆ ถ้ามีหุ้นสามัญประมาณครึ่งหนึ่งของพอร์ต ส่วนอีกครึ่งเป็นเงินฝากออมทรัพย์ ก็จะได้ Benchmark ที่เหมาะสมอยู่ที่ **ประมาณ 8.45% ** (ออมทรัพย์ได้ 0.75% ต่อปี)

ส่วนใครที่ไม่รู้ว่าพอร์ตโดยรวมของเราได้ผลตอบแทนเท่าไร และควรใช้อะไีรเป็น Benchmark แล้วล่ะก็ ช่วงเวลาสิ้นไตรมาสแบบนี้ ก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการเริ่มจดสถิติผลงานของตัวเองไว้ ... ทั้งนี้ก็เพื่อพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นครับ :)


รวมข่าว วันศุกร์ 30/3/2555


วิเคราะห์ตลาดอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป
(ประเทศไทย) จำากัด (มหาชน) หรือ PST
SET50 Futures
- วันศุกร์ที่ผ่านมามีปริมาณการซื้อขาย 12,096 สัญญา สถานะคงค้าง 30,932 สัญญา
- ปิด 843.20 จุด ลดลง 1.00 จุด (สัญญา SM5012 มิ.ย. 55)
ปัจจัยบวก - ต่างชาติเข้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในหุ้น 1,252.87 ลบ.
ปัจจัยลบ - หุ้นใหญ่ ขึ้น XD
- น้ำามันลงหนัก หลังยุโรประบายน้ำามัน
- ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯยังผันผวน
- มีข่าวลือว่ากรีซอาจต้องขอรับความช่วยเหลือรอบ 3
กลยุทธ - เก็งกำาไร(สัญญา S50M12 มิ.ย. 55 )
- แนวรับ 830 จุด
- แนวต้าน 855 จุด
- SET50 ประเมินแนวรับ 828 จุด แนวต้าน 854 จุด

AFET TFEX
“ตลาดจีนหยุดยาว”

นักวิเคราะห์บริษัท ฟิวเจอร์อกริเทรด จำากัด (FAT)
RSS3 - วันศุกร์ที่ผ่านมามีปริมาณการซื้อขาย 97 สัญญา สถานะคงค้าง 3,940 สัญญา
- ปิด 124.75 บ./ก.ก. ลดลง 0.45 บ. (สัญญาส่งมอบเดือนต.ค. 55)
ปัจจัยลบ - ตลาดเซี่ยงไฮ้หยุดยาว 2 - 4 เม.ย.
- ภาพรวมยังขาดข่าวใหม่กระตุ้น
- ศก. จีนชะลอตัว
- น้ำามันลงแตะ 102 เหรียญ
กลยุทธ - ชะลอลงทุน (สัญญาส่งมอบเดือนต.ค. 55)
- แนวรับ 123 บ./ก.ก.
- แนวต้าน 127 บ./ก.ก







วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

บทเรียนห้องเรียน เทคนิคกับพี่เปี๊ยก

บทที่หนึ่ง การเริ่มต้นวิเคราะหุ้นด้วยกราฟ
ต้องเริ่มที่การวิเคราะห์แนวโน้มให้ได้ก่อน การวิเคราะห์แนวโน้ม คือ จุดเริ่มต้น คือหัวใจสำคัญ ของการวิเคราะห์ทางเทคนิด มองรูปกราฟแล้วต้องรู้ว่า หุ้นตัวนั้นมีแนวโน้มอะไร ถ้าหุ้นตัวนั้นเป็นแนวโน้มขึ้น แปลว่า เล่นได้ถ้าหุ้นตัวนั้นเป็นแนวโน้มลง แปลว่า เล่นไม่ได้
  • “การเคลื่อนไหวหลัก ( Primary Movement ) เป็นตัวแทนของ "แนวโน้มตลาด" ใช้เวลา 2-3 เดือน ถึง หลายปี การเคลื่อนไหวนี้ เป็นตัวบอกว่า ตลาดเป็นแนวโน้มขึ้น หรือ ลง การเคลื่อนไหวนี้ จะยัง "คงอยู่" จนกระทั่ง ถูกพิสูจน์ได้ว่า "เป็นอย่างอื่น" Hamilton เชื่อว่า ความยาว และ เวลาของแนวโน้ม "ระบุไม่ได้"มีนักลงทุนหลายคน ยึดติดกับ ราคาและ เวลา ที่เป็นเป้าหมาย ในความเป็นจริง ไม่มีใครรู้ว่า "ที่ไหน เมื่อไร" ที่แนวโน้มหลัก Primary Movement จะ "จบลง" Hamilton ไม่ได้เอาใจใส่กับการเคลื่อนไหว ในแต่ละวันอย่างไรก็ตาม เมื่อ นำหลายวันมารวมกัน การวิเคราะห์ก็จะดีขึ้น เนื่องจากว่า ตลาดเคลื่อนไหว แบบ สุ่มวันหนึ่งไปอีกวันหนึ่ง สิ่งที่แย่ที่สุด คือ การเน้นไปที่ การแกว่งตัวของแต่ละวัน มากเกินไป ซึ่งจะนำไปสู่ การคาดการณ์ที่ผิดพลาด การที่จะจับการเคลื่อนไหว ใน 1 หรือ 2 วัน จะนำไปสู่การตัดสินใจที่รีบเร่ง ซึ่งจะอยู่บนพื้นฐานของอารมณ์ การคิดให้เหมือนกับการต่อ jigsaw ความเห็นของแต่ละคน เป็นเพียง jigsaw 2-3 ชิ้น ซึ่งไม่ได้มีความหมายใดๆ ถ้าเรายังให้ความสำคัญ กับ ภาพที่สมบูรณ์”
  • คำกล่าว ของ Hamiltonครั้งแรกของการเรียกกราฟขึ้นมาดู 1 รูป สิ่งที่ต้องเห็น จากการใช้ตาดู คือ แนวโน้ม เพียงแต่เราไม่เห็นว่า ณ ที่เรายืนอยู่ตรงไหนของแนวโน้ม สมมุติว่า เราเห็นรูปหุ้นตัวหนึ่ง เห็นแล้วว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น ทุกคนก็เห็นหมดทุกคน แต่คำถามที่ทุกคนอยากรู้ก็คือ เรายืนอยู่ตรงไหนของแนวโน้ม เพราะคำว่าแนวโน้มมันก็มีทั้ง แนวโน้มยาวๆ หรือ กลางๆ หรือ สั้นๆ ใครจะเป็นคนบอกได้อย่างชัดเจนว่า ที่เรากำลังยืนอยู่เป็น ช่วงต้นๆ ของแนวโน้ม หรือเรากำลังอยู่ตรงกลาง เอหรือว่าอยู่ตรงปลายของแนวโน้มกันแน่ ทฤษฎี Elliots wave เขียนบอกไว้ และรูปแบบราคาที่เคยเกิดขึ้นในอดีต จะเป็นช่วยยืนยันว่า จุดต้น จุดกลาง และปลายของแนวโน้ม กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ทำให้เรารู้จังหวะในการลงทุนว่าจะซื้อ หรือ จะขาย 
  • เราสามารถตีเส้น Trendline โดยใช้ เส้นตรง 1 เส้น หรือ 2 เส้น หรือหลายเส้นก็ได้ แต่จำไว้ว่าเส้นแนวโน้มที่เป็นของจริงมี 2 เส้นเท่านั้น เส้นในระยะ 1-2 ปีหนึ่งเส้น และเส้นระยะ 10 – 20 ปีอีกหนึ่งเส้น
เรายังสามารถใช้เครื่องมืออื่นช่วยในการหา แนวโน้มราคาหุ้นได้อีกอย่าง คือ การใช้เส้นค่าเฉลี่ยระดับ 20-50 วัน ช่วยในการหาแนวโน้มที่เราเห็นว่า ยังเป็นแนวโน้มขึ้นหรือลงอยู่จริงๆหรือไม่ ปรกติผมจะกำหนดค่าของเส้นค่าเฉลี่ยเป็น 50 วันเป็นหลัก ถ้าราคาหุ้นที่ขึ้นอยู่ สามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันได้ นั่นก็แสดงว่า หุ้นตัวนั้นมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ถ้าราคาตัดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน แนวโน้มของหุ้นตัวนั้นกำลังจะเป็นขาลง ส่วนเส้นค่าเฉลี่ย จะใช้แบบ Simple หรือ Exponancial ก็ได้
  • ส่วนวิธีการลากเส้นแนวโน้ม มี 3 วิธี คือ 
  1. หนึ่งให้ลากเส้นระหว่างจุดต่ำสุดหรือสูง 2 จุดขึ้นไป และสามารถลากเส้นขนานได้ด้วย 
  2. สองคือการลากเส้นระหว่างจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุด หรือจุดไหนก็ได้ ใช้ 3 จุดขึ้นไป ลองลากดู
  3. สาม คือ เส้นแนวโน้มหลัก ของหุ้นตัวนั้น ในระยะ 10 ปีขึ้นไป ต้องลากด้วย เพราะมันจะเป็นแนวรับ หรือแนวต้านสำคัญ และใช้การตีเส้นคู่ขนานมาช่วยได้ด้วย 
  4. สี่การใช้ การตีเส้นขนาน Horizontal Line ก็คือตีเส้นโดยที่เอาราคาที่ bottom หนึ่งที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ หนาแน่น เป็นจุดแรก และลากขนานไปเป็นเส้นยาวๆ ถือเป็นแนวต้าน หรือ แนวรับที่สำคัญ 
  5. ส่วนระยะเวลาที่ลาก ควรจะใช้ระหว่าง 1-2 ปี ไม่อยากให้เกินนั้น ยกเว้นว่า 2 ปีแล้วก็ไม่เห็นก็ถอยไปเรื่อยๆได้ แต่ข้อแนะนำของผม ผมว่าหุ้นตัวหนึ่ง ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง จะมีเส้นแนวโน้มที่เป็นเส้นหลักได้เพียงเส้นเดียวเท่านั้น
เท่าที่ประสบการณ์ของผมอาจสรุปว่า การตัดสินใจว่าแนวโน้มนั้นจบหรือยัง ใช้เส้นค่าเฉลี่ยช่วยในการมองแนวโน้มได้ดีกว่า และชัดเจนกว่าการใช้เส้นตรงธรรมดา

แนวโน้มมี 4 แบบเท่านั้น คือ
1. แนวโน้มขึ้น Up Trend คือ จุด สูงสุดใหม่ต้องสูงกว่าจุดสูงสุดเก่า และจุดต่ำสุดใหม่ต้องสูงกว่าจุดต่ำสุดเก่า นี่คือ คำนิยามของแนวโน้มขาขึ้น(Uptrend) แนวโน้มขาขึ้นเป็นโอกาสดีในการลงทุน เนื่องจากราคามีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยทำารเบรกแนวต้านหรือจุดสูงสุดใหม่ สามารถเบรคจุดสูงสุดได้เสมอ การลงทุนแบบ let profit run จึงสามารถสร้างผลกำไรให้กับผู้ลงทุนบนแนวโน้มขาขึ้น ทำให้ง่ายต่อการจังหวะเข้าซื้อและทำการขาย
2. แนวโน้มขาลง (Down Trend) จุดต่ำสุดใหม่ต้องต่ำกว่าจุดต่ำสุดเก่า และจุดสูงสุดใหม่ต้องอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดเก่า นี่คือนิยามของคำว่า แนวโน้มขาลง (DownTrend) การเคลื่อนที่ของราคาจะเปลี่ยนแปลงแบบลดลงเรื่อย ๆ อาจมีการเด้งตัวระยะสั้น คือการเด้งเพื่อระบายหุ้น หรือเด้งเพื่อชะลอการลดลงของราคา ตามแนวรับสำคัญๆ
3. แนวโน้มแก่วงตัวข้างๆ SideWay คือ ราคาเคลื่อนที่ขึ้นลงในกรอบแคบๆ เคลื่อนตัวไปด้านข้างและอาจจะเกิดจากการพักตัวขนาดใหญ่ของแนวโน้มขาขึ้นหรือลงขนาดใหญ่ เพื่อหาทิศทางต่อไปของแนวโน้ม แนวโน้มแบบนี้มักจะเป็นลักษณะแบนราบ (Flat) ราคาอาจจะแกว่งตัว มีทั้งแบบ สวิงวงกว้าง และสวิงวงแคบ แนวโน้ม Side Way เป็นแนวโน้มที่เล่นง่ายที่สุด เพราะกรอบราคาค่อนข้างชัดเจน เราสามารถเห็นแนวรับแนวต้านชัดเจน
4. ไม่มีหรือไม่เห็นแนวโน้มของราคาหุ้นเลย อยู่ดีๆ ก็ ขึ้นแรง ลงแรง อ่านเกมยาก เป็นแนวโน้มที่เล่นยากที่สุด เพราะเราไม่สามารถรู้ทิศทางที่แน่นอนได้ ถ้าหลักเลี่ยงได้ ก็ไม่ควรเล่น

เราจะรู้ได้อย่างไรว่า แนวโน้มที่เราคิดเราเห็นนั้น มันจบแล้วใช่หรือไม่ใช่
1. ในแนวโน้มขาขึ้น หากราคาไม่สามารถขึ้นไปทำจุดสูงกว่าจุดเดิมที่เคยขึ้นไปทดสอบแล้วถึง 2-3 ครั้ง แปลว่าจากนี้ไปหุ้นตัวนั้นมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวลงสูง
2. ปริมาณการซื้อขายจะช่วยยืนยันแนวโน้ม ในแนวโน้มขาขึ้นควรจะมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มมากขึ้น ในทางตรงกันข้ามปริมาณการซื้อขายน้อย แนวโน้มตลาดมักจะเป็นขาลง เราสามารถนำปริมาณในการซื้อขายของหุ้นตัวที่เราสนใจหาแนวโน้มได้เช่นเดียวกัน และปริมาณการซื้อขายก็คือตัวยืนยันคุณภาพของแนวโน้มนั้นด้วย
3. การดูเเนวโน้มสามารถดูได้จาก darvas box อีกด้วย (เครื่องมือนี้มีใน efin smart portal -คลิกที่ FN--analysis tool --- darvas box) โดย ถ้าอยู่ในเเนวโน้มขึ้น ราคาก็จะทะลุกล่องด้านบนไปเรื่อยๆ นักลงทุนจะถือเป็นสัญญาณซื้อเพิ่ม เพราะยังขึ้นต่อได้ เมื่อราคาทะลุกล่องขึ้นไป ถ้าอยู่ราคาอยู่ในเเนวโน้ม sideway ราคาก็จะเคลื่อนไหวภายในกล่องดาวาส ไม่หลุดไปไหน แต่ถ้าราคาอยู่ในเเนวโน้มลง ราคาจะทะลุลงกล่องล่าง เมื่อราคาหลุดกรอบล่างก็ถือเป็นสัญญาณขาย และแนวโน้มหุ้นตัวนั้น เป็นแนวโน้มลง

อาจารย์เพิ่งสรุปได้แค่นี้เอง เอาไปอ่านก่อนก็แล้วกัน 30/3/2555



เส้นค่าเฉลี่ย 50 วันจะช่วยบอกแนวโน้มที่เรายืนอยู่ มันจบขาขึ้น หรือขาลงหรือยัง เช่นถ้าราคา ยืนเหนือเส้น 50 วันได้ ก็แปลว่า ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ถ้ามีหุ้นอยู่ก็ถือได้ ถ้าไม่หุ้นก็ซื้อได้ เพราะยังไม่ใช่ช่วงปลายขาขึ้น นี่คือความสำคัญของมัน เส้นอื่นๆ ไม่ได้สื่อความหมายแบบนี้

ถ้าบนสมมติฐานความน่าจะเป็นระหว่าง ขึ้น กับ ลง คือ 50% : 50% และการอ่านกราฟคือการอ่านอดีตเพื่อพยากรณ์อนาคตตามทฤษฎีที่อยู่บนพื้นฐานว่า เหตุการณ์ซ้ำๆในอดีต จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต ตอบว่า อันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นความเชื่อของนักเทคนิค ส่วน Trendline ใช้ราคาในอดีตก็จริง แต่เป็นเพียงเครื่องมือที่บอกว่า ท่านยังสามารถถือหุ้นตัวนี้ต่อไปได้ไหม หรือควรขาย ไม่ได้บอกว่า ราคาจะไปไกลแค่ไหน อยากรู้ว่าเราอยู่ตรงไหน ก็ใช้ Elliots wave

อยากรู้ว่า ปลายทางอยู่อีกไกลไหม ก็ใช้ Fibonacci number

ตรงปลายแนวโน้ม ใช้ Price Pattern ช่วยดูอีกที ว่าการคำนวณจุดปลายทาง จาก Fibonacii ว่าจะเป็นจริงได้ไหม

จุดยืนยันว่าใช่ มีหลายเครื่องมือ ใช้ EMA 20 วัน ก็ได้


แค่นี้โอกาสกำไร ก็เกิน 50% แล้ว การเล่นหุ้นไม่ต้องสนใจความน่าจะเป็นระหว่าง ขึ้น กับ ลง ถ้าเรากำไรก็จบ การกำไรก็มาจากการเดาถูกทาง แปลว่า ต้องมั่นใจ 100% ผิดทางก็คือขาดทุนแปลว่า คาดการณ์ผิด 100% พียงแต่ว่าที่เราใช้เครื่องทางเทคนิคเข้าช่วยในการตัดสินใจ เพื่อการชนะ 100% กำไรมาก หรือน้อย ก็ถือว่า ชนะ 100%

วันพฤหัสที่ 29/3/2555

วันนี้ช่วงเช้าไปประชุมผู้ถิอหุ้น CSL มา คนไปร่วมประชุมน้อยมาก 406 ท่าน แต่กรรมการบริหาร คุณอนันต์และ ผู้หญิงอีกคน จำชื่อไม่ได้ ชอบนะดูจริงใจดี ไม่วาดฝันให้ไปไกลแบบหลอกลวง พยายามตอบคำถามทุกคำถาม แต่บริษํทแทบไม่มี Growth แจงออกมาแค่ 5% รายได้หลักคือ Shinee โหลดเพลง คอนเท็นต์ต่าง กลุ่มเป้าหมายสาวโรงงาน เป็น Suncontact ให้คายมือถือต่างๆ ลูกค้าหลักคือ AIS รองลงมา Dtac True ตามลำดับ แต่รายได้ของ Yellow pagest  ลงลงมหาศาล ทำให้กำไรไม่โต ผู้บริหารบอกว่ากำลังพยายามปรับให้เป็นการบริการแบบ e-commerce และศูนย์ประสานการช่วยเหลือต่างๆ เช่นรถยก รถเสีย ก็เรียก 1188 ได้ เป็นมากกว่าขอเลขหมายโทรศัพท์ วันนี้ดัชนีปิดที่ 1,203.91 จุด ลบไป 0.1 จุด 

ปริมาณการซื้อขาย 26,957 ล้านบาท
ต่างชาติซื้อ 1,692.99 ล้านบาท
สถาบันขาย 1,016.96 ล้านบาท
พอร์ตบล.ขาย 781.62 ล้านบาท
รายย่อยซื้อ 105.58 ล้านบาท
S50H12 (LastPrice) 849.20 03ol 3,645 ...^^"

พี่มานะ 

SET (Daily) : วันที่ : 29 มี.ค. 55 “ต้นร้ายปลายดี”ดัชนีล่าสุด : 1,203.91
เปลี่ยนแปลง : -0.10 (-0.01%) มูลค่า (ล้านบาท) : 26,956.88 ตลาดอยู่ในแดนลบเืกือบทั้งวัน แต่ตีตื้นได้ในท้ายตลาด ดัชนีแทบไม่เปลี่ยนแปลง RSI ทรงตัว (66.94%) ถ้าดัชนีหลุด 1,188 ถือว่าจบข่าว



30/3/2555

พี่เปี๊ยกมีคอมเม็นต์สั้นๆว่า
พี่เปี๊ยก:ดูแล้วก็ยังมีความพยายาม ที่ KBANK PTT PTTEP SCC แต่ก็พอที่จะทำให้ Set กลับเข้ามาได้ดูเหมือนจะยื้อ ถ้าเป็นแบบนี้ คือ การซื้อเวลาเผื่อมีข่าวดี เข้ามาช่วย แต่รู้สึกมีแต่ข่าวลบเอาใจช่วยก็แล้วกัน เพราะเพื่อนผมเริ่มติดตัวใหม่ๆกันแล้วตัวเก่าบางตัวยังไม่หลุดเลย ผมยังแนะนำให้นั่งดูต่อไป ตลาดยังไม่เลือกทางสักที...

พี่มานะ SET 30 Mar 12.30 น. ล่าสุด 1,202.23 (-1.68) มูลค่า 11,548.52 ล้านบาท [SET ทำหน้าตาสามเหลี่ยมทะลุเดือด ไม่รู้ทะลุขึ้นหรือทะลุลง โปรดติดตาม]

วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

BGH ได้การบ้านดีๆมาแต่ไม่ได้ทำการบ้าน เศร้าจัง


จะไปสามหลักจริงๆรึปล่าว พี่ปุยบอกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ว่า ให้รับที่78-79
แต่มันลงไปอีก ในใจอยากได้ของถูกกว่านี้ รอๆจนลืมดูมาอีกทีมันขึ้นไป 89-90
แล้วเลยไม่เข้าซื้อแล้ว ตอนนี้มาเห็นกราฟที่เพื่อนๆขยันทำการบ้านแล้วเศร้า
นั่นเพราะเราไม่ขยันและติดตาม ถึงแม้มีวิชาเท่ากัน แต่ความขยันและอดทนต่างกัน ผลกำไรและดารเติบโตของพอร์ทย่อมต่างกันฉนั้นแล เศร้าจังเลย

วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

วันพุทธที่ 28 มีนาคม 2555

Dow 13,197.70 -43.90 -0.33% S&P 500 1,412.52 -3.99 -0.28% Nasdaq 3,120.35 -2.22 -0.07%
เมื่อวานหุ้นขึ้นเยอะ วันนี้ก็คงลงตามวิสัย แต่นายฝรั่งจะยังคงซื้อสุทธิต่อไปนะเจ้าาา
คนที่ขายมากที่สุดคงเป็นนายกองที่เก็บไปมะวาน และอารมรณ์รายย่อยคงกลัวตกขบวนรถคันยาว เลยโดดขึ้นมา อ้าว ตามมาเร็วว
หนุกๆนะครับ อย่าซีเรียสมาก Chakapat chunin FB ชำแหละหุ้นพ์้นฐาน See Translation 


SET50 ทำ Double Top 



BlogGang.com : : Nihaoman :

BlogGang.com : : Nihaoman :

PANTIP.COM : I11888520 หุ้นที่ชาวสินธรจับตามอง 28-03-12{แตกประเด็นจาก I11884433} [หุ้น]

PANTIP.COM : I11888520 หุ้นที่ชาวสินธรจับตามอง 28-03-12{แตกประเด็นจาก I11884433} [หุ้น]







วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

เทคนิคพี่เปี๊ยก 27/3/2555



Nattawat Onratn 27/3/55

ปรกติ สัญญาณการปิดการเล่นเก็งกำไร ของตลาด ของพี่

จะใช้ การเตื่อนที่จุด ตรงราคาไม่สมารถทำ new high ได้ภายใน 3 วัน

ซึ่งก็ครบวันนี้พอดี SET ก็ยังไม่มี new high ถื่อเป็นสัญญาณเตือน ครั้งที่ 1

สัญญาณเตือนครั้งที่สอง คือ เกิดแรงขายหนักๆ ในวันที่ 4 หรือ 5 ก็ได้

จะถือว่า confirm ว่า สัญญาน เก็งกำไร ของตลาดปิดตัวลงแล้ว

ส่วนสัญญาณ ปิดการเก็งกำไร ในตัวหุ้น ก็ใช้ลักษณะเดียวกัน

แต่หุ้นบางตัว พอตลาดปิดสัณญานเก็งกำไรแล้ว ตัวเองก็ยังไม่ปิดตามก็ได้

ก็ถือว่า ยังเก็งกำไรได้ สำหรับหุ้นตัวนั้น

หน้าที่ของนักเก็งกำไร ต้องหาให้เจอ

เมื่อโอกาสมีหรือเปิดช่องไว้ นักเก็งกำไร ก็ต้องทำงาน

Manasavee Chuleewattanapong แปลว่าให้ดูต่อไป กำไรก็รีบขาย ชิมิคะ

Nattawat Onratn สิ่งที่ผมโพสต์วันนี้ เป็นวิธีที่ผมใช้ดูตลาด ผมใช้วิธีนี้ในการทำงานกว่า 20 ปีแล้ว

ที่ผ่านมา ผิดแค่ สองครั้ง เท่านั้นคับ

Visut Burapornpong ไม่ใช่ครั้งแล้วครั้งเล่านะครับ

Nattawat Onratn ครั้งนี้ กับ ครั้งที่ผ่านๆมา คับ พี่ visut

Jady Jade มุก หมดภูเก็ตเลยค่ะ

Nattawat Onratn สัญญาณการเก็งกำไร เกิดที่ PTTGC PTTEP คับ

Jady Jade สวัสดีค่ะพี่เปี๊ยก พี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนค่ะ ... Banpu เรียกว่ามีสัญญาณเก็งกำไร ใช่รึป่าวคะพี่เปี๊ยก

Nattawat Onratn Banpu ไม่ใช่สัญญาณเก็งกำไร แต่ถ้าพรุ่งนี้ เป็นแท่งเขียวยาวๆ ก็ใช่คับ สมเจต

Jim Jittima แล้วที่เมื่อคืนเจ๊ออกมาขายลดราคายังเหมือนเดิมมั้ยคะมีเปลี่ยนแปลงมั้ยคะ

Nattawat Onratn เจ๊บอกว่า ไม่รู้ใครก็ไม่รู้ มาเหมาของที่ร้านหมดเลย ตั้งแต่เช้า ผมไปตอน 10 โมง ไม่มีของแล้ว ถามเจ๊ว่า ทำไมไม่เก็บให้ผม เจ๊บอกว่า รู้จัก วาสนา ไหม ผมบอกว่าไม่รู้จัก เจ๊ก็บอกว่า นั่นไง เจ๊ดูโหวเฮ้งไม่ผิดเลย

Jady Jade อุตส่าห์ไปเกาะประตูร้านเจ๊ เลยนะคะ ^^ แต่ดันลืมพก วาสนา ไปด้วย ถึงว่า กลับมามือเปล่าค่ะ

Supaluck Apiluxdarcharchai วันนี้เก็บ pttgc banpu. เล่นสั้นๆ พอลุ้นใด้อีกกี่ กี่วันคะ

Nattawat Onratn วันนี้ กับ พรุ่งนี้ 2วันครับ

Mark Piathanom ผมก็นึกแล้วเชียวแบงค์เปิดก็ขึ้นแล้ว สงสัยเจ้ส่งสายลับมาซุ่มอ่านในกลุ่มนี้แน่ๆ 55555


วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

IVL จากเวปลงทุนหุ้นไทย



วันพุทธที่ 28 มีนาคม 2555 ( ข่าวก็คือข่าว ข้อมูล อาจจะใช่ข้อเท็จจริง หรือไม่ใช่ก็ได้ แต่ ดาวบอกว่า ราคาได้ซึบซับทุกอย่างแล้ว ข่าวมักมาตามหลังราคาเสมอ )

  • Breaking News : IVL เฮ! รับอานิสงส์ราคา Cotton Futures ขึ้นเหนือ 92 เหรียญฯ ต่อปอนด์ เพิ่มขึ้นกว่า 6% ในรอบ 2 สัปดาห์ ซึ่งน่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ สะท้อนการกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งของของราคา Cotton โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคา Cotton น่าจะขยับขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 100 เหรียญฯ ต่อ LBS (ปอนด์) ในช่วง 1 สัปดาห์นับจากนี้ เป็นปัจจัยหนุนหุ้นบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด

  • จากกราฟเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 25 วันทำหน้าที่เป็นแนวตานที่ราคา 39 บาท กลยุทธ์ถ้าผ่านและยืนได้ค่อยซื้อตามครับ.(โปรดใช้วิจารณญาณ)  IVL (ผลิตภัณฑ์เส้นใยโพลีเอสเตอร์ ของ IVL เป็นผลิตภัณฑ์ทดแทน Cotton) และจากการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างราคา Cotton Futures และ ราคาหุ้น IVL พบว่ามีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันค่อนข้างสูงราว 80% ดังนั้นในสถานการณ์ที่ราคา Cotton Future ส่งสัญญาณกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส จึงแนะนำลงทุนในหุ้น IVL ที่ราคาหุ้นยังคง Laggard ทรงตัวตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา  เคยได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหุ้นร้อนแรงประจำปี ทุกอย่างดูดีหมดทั้งตัวบริษัท ผู้บริหาร ผลิตภัณฑ์ และตอนนี้มีข่าวที่ออกมาย้ำว่าจะได้รับผลที่ดีจากราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก ยังงี้แล้วราคาควรพุ่งสูง แต่ทำไมเหมือนรอบ่มอะไรสักอย่างอยู่นะ 

วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2555

ตรวจสอบกราฟหุ้น IVL รายสัปดาห์ โอกาสเกิด reverse head and shoulders เป้าหมาย 70 บาท


ผมเข้าตรวจสอบกราฟหุ้น IVL รายสัปดาห์ พบว่า ราคาหุ้น IVL กำลังพักฐานย่อย ๆ อยู่บริเวณแนวกึ่งกลางของช่องแนวโน้มขาขึ้นสีเขียวดังรูปข้างล่าง ระหว่างการพักเหนื่อยนี้ กราฟหุ้นได้เคลื่อนออกข้างพร้อมกันกับขยับเข้าใกล้ขอบบนของช่องแนวโน้มขาลงใหญ่สีแดงมากขึ้นเรื่อย ๆ จะเห็นได้ว่า หากราคาหุ้น IVL พักฐานจนหายเหนื่อยแล้ว เดินหน้าขึ้นต่อ ก็มีโอกาสค่อนข้างมากที่จะทะลุออกจากกรอบแนวโน้มขาลงสีแดง จนขึ้นไปชนขอบบนของช่องแนวโน้มสีเขียว ตามด้วยการพักเหนื่อยอีกครั้งโดยใช้เส้นสีแดงที่เพิ่งพ้นออกมาได้เป็นฐานเด้งเชือกเพื่อไต่ระดับตามแนวกึ่งกลางช่องแนวโน้มขาขึ้นสีเขียวขึ้นไปอีก จนกว่าจะพ้นยอดสูงสุดเดิมบริเวณ 61-62 บาท จึงจะแน่ใจได้ว่าเข้าสู่ขาขึ้นอย่างแท้จริงครับ ในรูปข้างล่าง เส้นสีชมพูเป็นเพียงการคาดเดาของผมผ่านสายตาที่มองโลกในแง่ดีครับ
หากราคาหุ้นเป็นไปตามเส้นสีชมพูจริง เราจะได้ รูปกราฟแบบ reverse head and shoulders ตามเส้นสีส้มทำให้เป้าหมายราคาไปอยู่ที่ 50.50 + (42.75 - 23.20) = 70 บาท นี่เป็นไปตามรูปกราฟโดยเฉพาะ ไม่ได้นำปัจจัยพื้นฐานมาพิจารณาเลยครับ ถ้านำปัจจัยพื้นฐานมาคิดด้วย คงต้องรอผลประกอบการไตรมาส 2012Q1 ก่อนครับ

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555 

http://thailandstockinvestment.blogspot.com/2012/03/ivl-big-picture.html

กราฟหุ้น IVL ถึงเวลาดู big picture


ช่วงนี้เป็นระยะเวลาแห่งความอึดอัด แม้ว่า SET จะกำลังไล่ทำนิวไฮขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่หุ้นบางตัวเช่น IVL ก็ยังไม่วิ่งตามไปเสียที พักเหนื่อย เอื่อยเฉื่อยเรื่อยไปซะงั้น อย่างไรก็ตาม ยังไงเสีย แนวโน้มระยะยาวของ IVL ได้เริ่มเปลี่ยนเป็นขาขึ้นแล้ว แม้จะไม่ชัวร์ 100% ก็ตามที (จะให้ชัวร์อย่างนั้น ต้องรอให้ทะลุ 55 บาทขึ้นไปก่อน รอมั๊ย รอมั๊ย ?) ในช่วงเวลาอึดอัดหาวเรอนี้ ผมสังเกตได้ว่า ต่างชาติ NVDR กำลังสะสมหุ้น IVL แบบใจเย็น ๆ ถ่วงเวลาให้กราฟหุ้นออกข้างไปพลาง ๆ ก่อน จนกว่าจะชนเส้นแนวโน้มทางเทคนิค เมื่อเหตุการณ์ออกมาในแนวนี้ ผมคิดว่า ถึงเวลาปรึกษา big picture แล้วล่ะครับ ผมสร้างช่องแนวโน้มราคาหุ้น IVL ด้วยเส้นประดังรูปข้างล่าง ความชันของเส้นประเหล่านี้เป็นไปได้หลายแบบ เรียกว่า ตาดีได้ ตาร้ายเสีย ด้วยตาของผมเอง (ไม่รู้ดีหรือร้าย) ได้ออกมาดังในรูปครับ



พอได้ช่องแนวโน้มราคาออกมาแล้ว ผมเริ่มวาดเส้นแนวนอนซึ่งเป็นตัวแทนแนวรับ แนวต้านที่สำคัญ เมื่อครั้งราคาหุ้น IVL ขึ้นไปทำจุดสูงสุด บริเวณ 50 - 60 บาท ได้เป็นเส้นแนวนอนออกมา 4 เส้น กำหนดเป็นสีแดง น้ำเงิน เขียว ชมพู ตามลำดับ บรรดาเส้นเหล่านี้ เส้นไหนมีจุดตัดกับช่องแนวโน้มขาขึ้นที่เป็นเส้นประ ในบริเวณทางขวาของเส้นกราฟราคาหุ้นที่ยังไม่เกิดขึ้น เส้นเหล่านั้นมีความสำคัญในฐานะเป็นแนวรับและแนวต้านสำคัญ เพราะต้านทั้งในทางแนวนอน และแนวเฉียง ผมให้สีจุดตัดของเส้นเหล่านี้ตามสีของเส้นแนวนอน ออกมาเป็นจุดแดง น้ำเงิน เขียว และชมพู ตามลำดับ จุดเหล่านี้เป็นเป้าหมายที่ราคาหุ้น IVL มีโอกาสเคลื่อนไปหา ในระยะจากนี้ไปจนกว่าต่างชาติจะเริ่มทิ้งหุ้นไทยแบบถอนยวงครับ

โลกในมุมมองของ Value Investor 25 มีนาคม 55 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โลกในมุมมองของ Value Investor 25 มีนาคม 55 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

Link : http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=51615
Credit : คุณ little wing และ ดร.นิเวศน์ ครับ ^^"

แนวโน้มใหญ่หรือ Megatrend ของโลกนั้น จะต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวที่ต่อเนื่องยาวนานอย่างน้อย 10 ปี ขึ้นไป และน่าจะต้องเป็นอย่างนั้นต่อไปอีกไม่น้อยกว่า 10 ปี และต่อไปนี้คือสิ่งที่ผมเห็น

Megatrend แรกที่ดำเนินมายาวนานน่าจะหลายสิบปีและจะดำเนินต่อไปอีกนานมากก็คือ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี 2 ด้านนั่นก็คือ เทคโนโลยีด้าน IT และการสื่อสารแบบเคลื่อนที่ กับเทคโนโลยีด้านชีวภาพหรือ Biotech นี่คือเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนเราตามแทบไม่ทัน ด้านของ IT นั้น เราส่วนใหญ่อาจจะได้ยินได้เห็นและได้ใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย แต่ในด้านของเทคโนโลยีชีวภาพนั้น อาจจะมีคนไม่มากที่ได้สัมผัสกับมันโดยตรง อย่างไรก็ตาม ผลกระทบก็อาจจะมีมากพอ ๆ กับเรื่องของ IT เพราะหลายเรื่องเกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์ ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีเกี่ยวกับยาและการแพทย์ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วจนทำให้การรักษาโรคที่ร้ายแรงในอดีต สามารถทำได้ดีขึ้นมากในปัจจุบันและต่อไปในอนาคตอันใกล้

Megatrend ที่สองก็คือเรื่องของ Wealth หรือความมั่งคั่งของคนในโลก นี่เป็นแนวโน้มที่ต่อเนื่องยาวนาน ในอดีตนั้น การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมักเกิดขึ้นในประเทศที่เจริญกว่า แต่ในปัจจุบันความมั่งคั่งมักเพิ่มขึ้นเร็วกว่าในประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะที่มีประชากรมากหรือมีทรัพยากรมาก ความมั่งคั่งที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ธุรกิจเกี่ยวกับเงินซึ่งรวมถึงระบบธนาคารและการบริหารเงินและกองทุนรวมเติบโตต่อเนื่องระยะยาว และแน่นอน ส่งผลต่อราคาหุ้นโดยเฉพาะในประเทศที่มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

Megatrend ที่สามคือเรื่องของโครงสร้างอายุของประชากรในโลกที่เริ่มแก่ตัวลงอย่างรวดเร็ว อายุเฉลี่ยของประชากรโลกน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเด็กเกิดใหม่มีอัตราลดลงในขณะที่คนก็มีอายุยืนขึ้น โดยที่ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศเหล่านั้น ผลกระทบก็คือ ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพและคนสูงอายุน่าจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ

Megatrend ที่สี่คือเรื่องที่ผมอยากเรียกว่าเป็น “การเพิ่มขึ้นของอิทธิพลของเอเซีย” นี่คือแนวโน้มใหญ่ที่ประเทศในเอเซียมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับส่วนอื่นของโลก ประกอบกับการที่มีประชากรจำนวนมาก ทำให้เอเชียมีบทบาทและความสำคัญสูงขึ้นอย่างมากในทุกด้าน ทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวัฒนธรรม ผลต่อประเทศไทยก็คือ เราจะมีการค้าและการลงทุนมากขึ้นเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวที่จะมีมากขึ้นเนื่องจากไทยก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศที่อยู่ในศูนย์กลางของเอเซีย

Megatrend ที่ห้าก็คือ เรื่อง “ภาวะโลกร้อน” นี่คือแนวโน้มที่เพิ่งเกิดมาไม่นาน หรือน่าจะพูดว่าเราเพิ่งตระหนักมาไม่นานนัก แต่ผลกระทบนั้นอาจจะรุนแรงขนาดที่สามารถเปลี่ยนแปลงภูมิศาสตร์เศรษฐกิจของโลกได้ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นนั้น ผลกระทบก็อาจจะเป็นเรื่องของท้องถิ่นบางแห่งที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงของลมฟ้าอากาศซึ่งรวมถึงภาวะแห้งแล้ง พายุ หรือน้ำท่วม ที่อาจจะเกิดขึ้นมากกว่าปกติ และนี่ทำให้เกิดความเสี่ยงโดยเฉพาะในด้านของทรัพย์สินและการดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ชัดเจนว่าจะเกิดที่จุดไหนและเมื่อใด

Megatrend สุดท้ายที่ผมจะพูดถึงก็คือเรื่อง Globalization หรือโลกานุวัตร ซึ่งบางคนใช้คำว่า “โลกแบน” ความหมายก็คือ พรมแดนทางภูมิศาสตร์ของแต่ละประเทศและวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่นจะมีความหมายน้อยลงเรื่อย ๆ คนในแต่ละประเทศจะมีความคิด ค่านิยม และความเป็นอยู่คล้าย ๆ กันขึ้นอยู่กับฐานะและความมั่งคั่งมากกว่าเรื่องของวัฒนธรรมประจำชาติ นอกจากนั้น แต่ละประเทศจะไม่สามารถทำอะไรตามใจตนเองได้ทั้งหมดแต่จะต้องทำในสิ่งที่เป็นที่ยอมรับของสังคมโลกด้วย เช่นเดียวกัน การแข่งขันทางธุรกิจก็จะต้องเปิดกว้างขึ้นเรื่อย ๆ และต้องรวมไปถึงธุรกิจจากต่างประเทศทั่วโลก ผลกระทบก็คือ บริษัทที่มีความสามารถทางการแข่งขันสูงจะสามารถขยายตัวได้มากขึ้นมาก ในขณะที่บริษัทระดับรองหรืออ่อนแอจะอยู่ได้ยากขึ้น

โดยสรุปก็คือ ผมคิดว่าอุตสาหกรรมที่เป็น Megatrend และจะโตเร็วและโตไปอีกนานก็คือ อุตสาหกรรมไฮเทคที่เกี่ยวกับ IT และการสื่อสารในระบบเคลื่อนที่ และอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการแพทย์และการให้บริการทางการแพทย์ ในอุตสาหกรรมอื่นนั้น ผมคิดว่าธุรกิจการเงินและการบริหารเงิน และการลงทุนในหุ้น น่าจะมีอนาคตสดใส เช่นเดียวกับการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคของประเทศในทวีปเอเซียที่ประชากรมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น ซึ่งการบริโภคนี้รวมถึงการท่องเที่ยวและการเดินทางข้ามประเทศที่จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ผลกระทบจากการเปิดเสรีประเทศมากขึ้นจากผลของโลกานุวัตรจะทำให้กิจการที่เป็นผู้นำที่โดดเด่น โดดเด่นขึ้น ในขณะที่บริษัทระดับรองลำบากขึ้น และผลกระทบจากภาวะโลกร้อนนั้น จะทำให้ความเสี่ยงของธุรกิจสูงขึ้นจากภัยธรรมชาติในระยะสั้น
ผลกระทบของ Megatrend โลกนั้น แน่นอน รวมถึงประเทศไทย เพราะเราอยู่ในกระแสของโลกานุวัตรด้วย ดังนั้น เราต้องนำ Trend ต่าง ๆ เหล่านั้นเข้ามาพิจารณา ในเรื่องของการลงทุน สิ่งที่สำคัญก็คือ เราต้องการลงทุนในหุ้นที่อยู่ในกระแสและหลีกเลี่ยงหุ้นที่สวนกระแส แต่การลงทุนกับหุ้นที่อยู่ใน Megatrend นั้นยังไม่เพียงพอ เหตุผลก็คือ กิจการที่อยู่ในกระแสนั้น บ่อยครั้งมีมากยิ่งกว่ากิจการที่ไม่อยู่ในกระแส การแข่งขันกันจึงรุนแรงและอาจทำให้บริษัทขาดทุนหรือล้มหายตายจากได้ง่าย ๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือกิจการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี IT ที่เราเห็น “คนตาย” มากกว่า “คนอยู่” หุ้นหรือกิจการที่เราต้องการจริง ๆ ก็คือ เราต้องการบริษัทที่เป็น “ผู้ชนะ” ในอุตสาหกรรมที่อยู่ใน Megatrend และในราคาที่สมเหตุผล

ประเด็นสำคัญที่ตามมาก็คือ อะไรคือ “ราคาที่สมเหตุผล” นี่เป็นเรื่องยากหรืออาจจะยากยิ่งกว่าการกำหนดว่าบริษัทอยู่ใน Megatrend และเป็น “ผู้ชนะ” หรือไม่? เหตุผลก็คือ หุ้นที่อิงกับกระแสแนวโน้มใหญ่นั้น มักจะเติบโตไปได้ต่อเนื่องยาวนานตราบที่เขายังมีความสามารถสูงอยู่ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ บริษัทที่ “กำลังชนะ” นั้น Profit Margin หรือกำไรต่อยอดขายมักจะมาทีหลัง ในขณะที่ช่วงแรก ๆ ของการเติบโต ผลกำไรจะไม่สูงมากเนื่องจากบริษัทจะเน้นไปที่การเพิ่มยอดขายมากกว่าที่จะทำกำไร ดังนั้น ในช่วงที่บริษัทยังโตเร็ว ผลกำไรอาจจะไม่สูงมาก นี่ทำให้ค่า PE อาจจะดูสูงและทำให้ราคาหุ้นดูไม่สมเหตุผลโดยเฉพาะในสายตาของ Value Investor ที่เน้นหุ้นถูกเป็นหลัก วิธีที่ดีกว่าก็คือ การดู “ศักยภาพ” ว่า บริษัทน่าจะสามารถเติบโตมียอดขายถึงระดับไหนและมันน่าจะมีกำไรเท่าไรเมื่อถึงจุดนั้น โดยกำไรนั้นจะต้องคำนวณจาก Profit Margin ที่เหมาะสม ซึ่งนั่นจะทำให้เราสามารถคำนวณหากำไรและราคาหุ้นที่เหมาะสมในอนาคตได้ จากนั้นจึงมาดูว่าราคาในปัจจุบันนั้นเหมาะสมหรือไม่
บรรดาสมาชิกช่วยตอบคำถามเพื่อใช้เป็นกรณีศึกษา : เจอหุ้นหนึ่งตัว ทำอะไรบ้างก่อนจะซื้อ ตอบเป็นข้อๆ ( เพื่อประโยชน์ส่วนรวมในการศึกษา )
  • หา story ครับว่าอะไรจะทำให้หุ้นขึ้นแล้วก็ใช้จินตนาการวาดเรื่องราวขึ้นมาคร่าวๆ แล้วก็มาดูงบการเงิน ดูผู้ถือหุ้นถ้าผู้บริหารถือหุ้นอยู่ด้วยก็ดี สุดท้ายดูราคาครับ ถ้าแพงไปก็เก็บไว้ในใจก่อน หาตัวอื่นๆต่อไป อันนี้เป็นแนวทางของผมนะครับ คิดผิดบ้างถูกบ้างเรื่อยไป 

MOS-------->Margin Of safety--------> Margin Of Satisfy.---------->Moa hai modd.
การหา MOS นั้น คุณต้องรู้ว่า
1.หุ้นที่คุณซื้อ อยู่ในช่วงไหน หมี หรือ กระทิง
2.หุ้นที่คุณซื้อ มี "ความสม่ำเสมอ" ในการทำกำไรหรือไม่
3.คุณคาดหวังอะไรจากการซื้อ หุ้น ตัวนั้นๆ
4.หุ้นที่คุณซื้อ เป็นหุ้นประเภทไหน ใน หุ้น 6 ประเภท ตามคำนิยาม ของ ปีเตอร์ ลินซ์
5.คุณ จะจัดการหุ้น ตัวนั้นอย่างไร เมื่อคุณรู้แล้วว่า มันเป็นหุ้นประเภทไหน ตามคำนิยามของปีเตอร์ลินซ์
6.ในกรณี ที่คุณเจอ หุ้น ที่ถ้าเป็น ปู่ บัฟเฟต์ ซื้อ แล้วแกจะไม่ยอมขาย คุณ จะขายไม๊ ไม่ว่ามันจะร่วงอย่างรุนแรง หรือ ขึ้นไปจากจุดที่คุณซื้อหลายเท่า
7.ตอนที่ซื้อ ให้จำลองราคาที่มันจะร่วงลงไปมากๆ แล้วคิดว่า จะทำใจ อย่างไร ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีใครรู้ว่า มันจะลงสุดเมื่อไหร่ หรือ ขึ้นสุดแค่ไหน สิ่งที่สามารถช่วยได้ แต่ "แค่ระดับหนึ่ง" คือ คุณสามารถใช้เทคนิคมาช่วยได้ แต่สิ่งที่ทำหลังจากนั้น แตกต่างโดยสิ้นเชิง คือ เราจะไม่กำหนดกำไรระยะสั้น แต่ เราจะดู การเติบโต ของหุ้นในระยะยาว นอกเสียจากคุณจะรู้ "พฤติกรรม"ของหุ้น หรือ คุณวิเคราะห์ผิดพลาด (ซึ่งไม่ว่าใครก็เป็นได้ เมื่อรู้แล้วก็กลับตัวเสีย อย่ารั้น )การวิเคราะห์ที่ผิดพลาด ต้องเกิดจาด ปัจจัยทางพื้นฐานของหุ้นเท่านั้น ไม่ใช่ เทคนิค
8.จงเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองวิเคราะห์ และ ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับ หุ้นตัวอื่น จงพอใจ ในหุ้นของตัวเอง แล้วจะไม่ร้อนรน รีบขายทำกำไร เพื่อไปตามตลาด
9.สิ่งที่ทำให้มากๆ ไม่ใช่เฝ้าจับจ้องราคาหุ้น
สิ่งที่ต้องทำให้มากคือ อ่านข่าวสารรอบตัว พักผ่อนให้พอเพียง ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และ สุดท้าย ทำชีวิตให้มีความสุข การลงทุนที่ดีที่สุด คือ การลงทุนกับความสงบทางจิตใจของตัวเอง

ทำครับ เพราะมันจำเป็นมาก อย่างน้อยก็ 
  1. ข้อแรกนี่ ถ้าไม่รู้นี่ จบกันเลยนะครับ กระทิง แล้วซื้อหุ้นที่คิดว่ามันถูก พอหมีตื่น หุ้นที่คิดว่าถูก นี่ ถูกได้อีก นะครับ 
  2. ส่วนข้อ 2 นี่ ต้องอ่านงบการเงินประกอป การตัดสินใจ เราต้องหา ขุมทรัพย์ กับระเบิดเวลาที่ซ่อนไว้ในงบการเงินครับ
  3. ข้อที่ 3 ซื้อหุ้นเพเราะอะไร ก็ขายเพราะเหตุนั้นครับ เช่น ซื้อเพื่อเก็งกำไร ก็ ขายเพราะเก็งกำไร ซื้อหุ้น เพราะพื้นฐานดี ก็ขาย เพราะ พื้นฐานมันเปลี่ยนไป หากซื้อหุ้นพื้นฐานดี ในราคาถูก และ ตอนที่เป็น หมี ผมอาจจะไม่ขายก็ได้ หึๆ ถึงต้องรู้ว่า เป็นช่วงไหนของตลาด
  4. ข้อ 4-5-6-4-8-9 เป็น ทฤษฏี ที่ต้องมาทำในภาคปฏิบัติ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับจิตใจล้วนๆ ที่ต้องฝึกฝนครับ 
  • การใช้เวลาเกี่ยวกับหุ้น มันอยู่ที่ตอนแรกเริ่มเข้าตลาด ผมใช้เวลา ศึกษามันทุกตัว ยกเว้นกลุ่มที่ผมไม่ชอบ เช่น อสังหา 
  • พอหลังจากนั้น 2ปี มันก็ซึมซับเข้าไป เวลา เห็นหุ้นตัวไหนที่กำไรโดดเด่น ก็จะเข้าไปดูอีกที ใช้เวลา ประมาณ 1-2 วัน โดยมาก ตอนที่ซื้อจะใช้เทคนิค มาตัดสินใจครับ พอถือได้แล้ว ก็จะมาดู ให้ละเอียดอีกที ว่าจะถือระยะไหน ตามเหตุผล 9 ข้อที่กล่าวมา 
ทำไมถึงไม่ชอบหุ้นอสังหา พอจะบอกได้มั๊ยครับ เดายากครับ มันเป็นไปตาม รอบวัฎจักรเศรษฐกิจ รอบใหญ่ สินทรัพย์ที่แสดง จะเป็น สินทรัพย์ที่รอการขาย หรือ เงินลงทุน อันนี้ ก็ต้องเดา ไม่ถนัดอ่ะครับ พูดง่ายๆ

  • ดูผลการดำเนินงานย้อนหลัง สามปี อย่างน้อย ความสามารถในการคาดการณ์ประมาณการผลการดำเนินงานที่ผ่านมาว่าเป็นไง ผู้บริหารมีวิสัยทัศแค่ไหน ผบห นั่นแหละที่เป็นเรื่องยาก เพราะ หาก ผบหไม่โปร่งใส เงินสามารถ ยักยอกได้ง่ายๆเลย ตะปู โลละพัน เหล็กเส้น ลดสเป็ก แต่ตีบัญชีข้าม เป็นต้น 
  • ราคาหุ้นสุดท้ายจะกลับมาสะท้อนภาพที่แท้จริงได้เสมอ 

แนวคิดพี่ปุย 26/3/2555

สัญญาณบนกราฟเหมือนกัน แต่ 100 คนดู 100 ความคิด ตัดสินใจต่างกันครับ
กราฟใช้อดีต มาคำนวณเพื่อคาดการณ์อนาคต มันเป็นความน่าจะเป็น เท่านั้น มีแต่จุด cut loss เท่านั้น ที่ มันช่วยเราจากการขาดทุนได้ 100%
เมื่อวันเสาร์สอนเรื่องนี้ไป ... สนุกๆ ขำๆ
การเคลื่อนไหวของราคาบนกราฟ ที่แท่งราคาวิ่งขึ้นลงจาก demand&supply ของนักลงทุนในตลาดฯ มันยากที่จะรู้ได้ว่า ราคาที่ขึ้นหรือลงนั้นมันจะจบลงเมือใด สิ่งที่ช่วยในการดูความเคลื่อนไหวอย่างง่ายในการดูความเคลื่อนไหวราคานั้น คือ Volume และ Slope
Volume ในการซื้อขาย เป็นกำลังในการผลักดันราคาให้วิ่ง เมื่อไม่มี Volume ราคาหุ้นก็แทบจะไม่ขยับ ถึงจะขยับ ไม่นานก็จบ เราจึงแยกแยะความสัมพันธ์ของราคากับ Volume ได้ 4 ประเภท คือ
- Weak แท่งราคาเล็ก Vol น้อย = ไม่มีการซื้อขาย เป็นการพักตัว หรือ sideway
- Fake แท่งราคายาว Vol น้อย = bid offer แต่ละช่องน้อย แต่มีคนมาซื้อมากๆ มันก็วิ่งหลายช่อง ถ้าไม่มีใครตาม วิ่งแท่งเดียวก็จบแล้ว
- Trend แท่งราคายาว Vol มาก = แสดงแนวโน้มชัดเจน แท่งเขียวก็ วิ่งขึ้น แท่งแดงก็วิ่งลง
- Squat แท่งราคาเล็ก Vol มาก = เป็นการสะสมกำลัง มีคนกำลังเก็บของนั่นเอง ถ้าเป็นการซื้อมากๆ อีกไม่กี่วัน วิ่งกระจาย
ส่วน Slope สามารถนำมาใช้ประเมิน เวลาคร่าวๆ ว่าราคาจะจบเร็ว หรือจบช้า แต่ไม่รู้นะว่าจะจบเมื่อไหร่
ถ้าเราตั้งกราฟ ให้ค่อนข้าง สี่เหลี่ยมจัตุรัส แล้วใช้ ทิศการวิ่งของราคาเทียบกับ องศาของเข็มนาฬิกาได้
- กราฟราคาที่วิ่งขึ้นในทิศ 1 นาฬิกา จะมีความชัน จะใช้เวลาวิ่งน้อย จบเร็ว
- วิ่งขึ้นทิศ 2 นาฬิกา จะใช้เวลามากกว่า 1 นาฬิกา จึงจะจบรอบ
- วิ่งในทิศ 2.30-3.30 น. จะเป็นลักษณะการแกว่งตัว ออกข้าง
- วิ่งในทิศ 4 น. เป็นการค่อยๆ ลง พบในการพักตัว
- วิ่งลง ทิศ 5-6 น. เป็น panic sell ที่จะลงแรงมาก แต่ 6 น. จะลงเร็วมากแล้วจบเร็ว เมื่อจบจะเด้งกลับอย่างรุนแรง
เหล่านี้ล้วนเป็นข้อสังเกต ลองดูครับ ว่าเป็นยังไง .... ฮ่าๆ ต่อไปต้องใส่นาฬิกามาเข็มกันแล้ว ดูหุ้นไปดูนาฬิกาข้อมือไป ....

วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555

เสาร์ 24/3/2555 พี่คณิต แมงเม่าเจ้าสำราญ



24/03/2012

พี่คณิต
บางวันนั่งมองท้องฟ้าที่เวิ้งว้างมองดูเมฆขาว เทา ลอยละล่องไปเที่ยวเกาะช้าง ระหว่างนั่งเรือมองเห็นเรือน้อย ก็เป็นเรือแจวธรรมดา ๆชายแก่คนหนึ่ง นั่งพายเรือน้อยนั้นท่าทางมีความสุขอย่างมากมาย ท่ามกลางทะเล ที่ล้อมรอบ ไม่มีเสื้อชูชีพ เหมือนผู้โดยสารบนเรือใหญ่ เขาพายเรือ อย่างไม่อนาทรร้อนใจใดๆ เห็นแล้ว ดีใจที่ชายแก่มีอายุคนนั้นมีความสุข เป็นภาพที่ติดตาตรึงใจมาจนทุกวันนี้ เขาไม่ได้กลัวคลื่นลม ไม่ได้กลัวแสงแดดไม่กลัวความเวิ้งว้างของทะเลเขาอยู่กับมันอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด สรุปว่า เขารู้จักตัวเอง รู้จักเรือน้อยและทะเลเรา นักลงทุนรู้จักตัวเองและตลาดหุ้นแค่ไหน นี่แหละคือสิ่งที่ต้องเรียนรู้ หากรู้จักตลาดหุ้น เหมือนชายแก่รู้จักทะเลคุณ จะไม่กลัวการผันผวนของตลาดหุ้น เช่นเดียวกับชายแก่ที่ไม่กลัวทุกสิ่งอย่างของทะเล เพราะเขารู้จักมันเป็นอย่างดี อยู่บนผิวน้ำทะเล พร้อมเรือพายน้อยๆเราก็ควรจะรู้ว่า อะไรคือเรือพายของเราที่จะพาเราข้ามฝั่งไปยังอีกฝั่งของความสำเร็จ อย่าทนอยู่กับความล้มเหลว เจ็บปวดเรียนรู้และอยู่กับมัน อยู่กับตลาดหุ้น เหมือนดำรงตัวบนยอดคลื่น อย่าให้ตกแนวของคลื่น สนุกสนานไปกับการลงทุน และการเก็งกำไร

คณิต ผมผ่านมาทั้งความสุข ทุกข์ มากมาย วันนี้เหมือนคนไร้ใจในความผันผวนของมัน มองมันให้เห็นแล้วคุณจะชนะ  อีกหน่อยคงเขียนหนังสือขาย เล่นหุ้นให้สนุก คงขายได้หลายเล่มอยู่ :)
สมาชิก อ่านวรรณกรรมของลุงจี๊ด มาตลอด ชอบทุกบททุกตอนที่เขียน ชัดเจนแจ่มแจ้ง ด้วยภาษาง่ายๆที่เป็นธรรมชาติ แต่แฝงไปด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ช่ำชองทั้งในโลกชีวิตกว้างๆและในสนามตลาดหุ้นที่โลดโผนลึกล้ำเหลือหลาย

พี่คณิต ความจริง ตลาดหุ้นไม่มีอะไรเลย ทุกคนไปคิดแทน ตัดสินใจแทน วิตก ดีใจแทน จริงๆ มันไม่มีอะไร เอ้ออ เขียนแบบนี้จะเข้าใจไม๊นี่
Remember tha Past.
Live in the Present.
Belive in the Future.

 
พี่คณิต
หุ้นที่กำลังเติบโต มีมากมาย หุ้นที่นักวิเคราะห์เคยหมางเมินใครได้ยินก็เหนื่อยหน่าย หากคุณหามันเจอ และเห็นคุณค่ามันจะทำให้คุณมีกำไรมากมายอยู่ที่ว่า เมื่อเจอแล้ว คุณกล้าถือมันนาน ๆ หรือไม่ ไม่ต้องเป็นปี แค่ 3 เดือน หรือกว่านิดหน่อย
หลายตัว สามารถทำกำไรให้คุณได้ 70%อยู่ที่รู้จักวิธีในการค้นหาหรือไม่หาแล้วกล้าซื้อหรือไม่ มันเป็นหุ้นที่ไม่มีนักวิเคราะห์มาสนใจ แต่เมื่อนักวิเคราะห์เริ่มมาให้ความสนใจมันก็กลายเป็นหุ้นมีเสน่ห์ในสายตานักลงทุน เพราะนักลงทุนจะฟังนักวิเคราะห์หุ้นยิ่งมีรายละเอียดผลการดำเนินงานมาประกอบ ใช่เลย ดูมันดีจริงๆ ผ่านตามาได้อย่างไร รู้สึกขอบคุณนักวิเคราะห์ ที่หาหุ้นดีๆมาแนะนำ แต่คุณซื้อแพงกว่าคนที่เขาเริ่มเห็นมันผิดปกติ คนที่เห็นมันผิดปกติในเชิงบวก เขาซื้อและเก็บมาเรื่อยๆ ไม่มีใครสังเกตุ บางทีคนที่ทยอยเก็บ ก็อดหวั่นไหวไม่ไดราคามันไม่ขึ้น บางทีแกว่งลง แต่เขาเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาเห็น เขาทำและตัดสินใจอดทนรอมันไม่นาน 70 % ก็มาหาเขาหุ้นวิ่งอย่างรวดเร็ว หลังจากมีการนำเสนอจากสื่อเขาไม่ต้องทำอะไร ให้เงินมันโตทุกวัน แม้จะมีข่าวร้ายมากระทันหัน เขาขายราคาไหนก็ได้ ไม่มีขาดทุน
คณิต

พี่คณิต อ่านแล้วหาให้เจอหุ้นดีๆนะครับ ถือยาวๆ สักสามเดือนก็เกินพอ
หาให้เจอด้วยตัวเอง แล้วจะมั่นใจทุกครั้งในการเทรด   มีมากมาย ที่รอการเก็บเกี่ยวจากคนที่เข้าใจ ช้างเผือกมักอยู่ในป่าเสมอ ค้นหาให้เจอ อ่านเรื่อง wave มานานและหลายแห่ง

พี่คณิต อ่านแล้วสับสน แต่หลายคนอาจเข้าใจดี หลากหลายทัศนะความเห็น

คลื่นนั้นคลื่นนี้ นักวิเคราะห์ก็ยังสับสน เมื่อต้นปีที่แล้ว ไม่ใช่ต้นปี 25555

นักวิเคราะห์ค่ายหนึ่ง บอกว่ากำลังจะหมดเวฟ 5 และจะเกิดการลงแรงของเซ็ท

อีกค่ายบอกว่า เพิ่งเริ่มต้นของเวฟที่ 5แล้วค่ายไหน บอกได้ถูกต้อง สิ่งสำคัญของ อีเลียตเวฟ ประการหนึ่ง หากนำมาใช้ในการวัดหาเวฟของตัวหุ้นว่า ณ ราคานี้ เป็นเวฟที่เท่าไรอาจจะเกิดการผิดพลาดได้ง่าย นี่คือสิ่งที่ผมเรียนรู้ สิ่งที่ผมใช้ในการวัดราคาของหุ้นเปอร์เซ็นต์ในการปรับฐาน หรือต่อตัวของราคา ในกรณีหุ้นทำราคานิวไฮ เราจะพออนุมานได้อย่างไรว่า หุ้นจะขึ้นไปได้อีกเท่าไร จากจุดนิวไฮ หรือหุ้นลงจะลงมาได้ที่ระดับราคาไหน จุดไหนที่หุ้นจะมีการรีบาวน์ และรีบาวน์ได้เท่าไร
ผมไม่ใช่ อีเลียตเวฟ แต่สิ่งที่ผมใช้ คือ fiboเครื่องมือตัวนี้ถูกค้นพบโดยนักคณิตศาสตร์ชาวเมืองปิซ่า ประเทศอิตาลี คือลีโอนาร์โด ฟิโบนาซี่ (Leonardo Fibonacci) ก็ไปค้นหาอ่านศึกษานะครับ ส่วนเรื่องเวฟ ผมมองว่า เวฟ ณ ขณะนี้เป็นการขึ้นของเวฟ 3(ในภาพใหญ่) อ้าวววววววววว มาจบลงตรงเวฟ 3 ได้ยังไง


พี่คณิต แต่ละช่วงคลื่นมันจะมีคลื่นย่อยๆอยู่เสมอไหนๆก็ไหนๆ เขียนแล้วค้าง มันเสียอารมณ์สร้างบ้านไม่มุงหลังคาก็ไม่ได้ แต่จะทำรั้วหรือไม่ค่อยว่ากัน...
เลือกหุ้นอย่างไร นั่นน่ะสิ เลือกหุ้นอย่างไร เคยคิดสงสัยไม๊ ทำไมหุ้นมีคนซื้อในราคาที่เสนอขาย และขายในราคาที่มีคนเสนอซื้อ ราคาต่ำลงมาก็มีคนขายคนซื้อ ราคาขยับขึ้นก็มีคนขายคนซื้อ คนที่ซื้อ อาจคิดว่า ราคาน่าจะขยับขึ้นไปได้อีก
คนที่ซื้อ เพราะว่าได้ขายมาก่อนหน้านี้แล้ว และต้องการซื้อหุ้นกลับคืน
คนที่ซื้อ ซื้อเพราะอยากสะสมหุ้นนั้นให้มากกว่าที่มีอยู่ เพราะเห็นราคาขยับลงมา
คนที่ซื้อ ซื้อเพราะว่า ในระยะอันใกล้ มันจะมีราคาที่สูงกว่า ณ ขณะที่ซื้อ
คนขาย ก็คิดในทางกลับกันกับคนที่ซื้อเพราะมีความคิดที่ต่างกัน จึงเกิดการซื้อขายหุ้น หากคนคิดไปในทางเดียวกัน จะเกิดอะไรขึ้นความคิดที่แตกต่างก่อให้เกิดธุรกรรม ก่อให้เกิดการทำสัญญา และก่อให้เกิดความเสียหายได้มันเป็นปกติของมันเช่นนี้เสมอมา กลับมาที่เลือกหุ้นอย่างไร ต่อดีกว่า ชักจะเลอะไปด้านข้างมากแล้วเลือกหุ้นที่คิดว่า ซื้อมาแล้วสามารถที่จะขายออกไปในราคาที่สูงกว่า กำปั้นทุบดิน บอกยังงี้ใครก็บอกได้ใช่เลย มันก็ต้องบอกอย่างนี้ก่อน ก่อนที่จะบอกต่อไป กลุ่มอะไรที่ชอบต้องตอบตัวเอง กลุ่มที่ดิน ไฟแนนซ์ ธนาคาร พลังงาน หรือเกษตร
เลือกกลุ่มอุตสาหกรรมได้แล้ว มาดูว่า ในกลุ่มนั้นมีหุ้นอะไรอยู่บ้าง หุ้นในกลุ่ม ตัวไหนที่เป็นผู้นำ และรองลงมา ดูจากสภาพคล่องของหุ้นและความนิยมของนักลงทุน อย่าไปเลือกหุ้นที่ไม่มีสภาพคล่อง มันไม่เหมาะกับการเก็งกำไรหรือลงทุนระยะสั้นได้แล้ว จึงไปดูเรื่องพื้นฐาน ในกรณีที่นักลงทุนต้องการรู้ แต่ผมจะเน้นไปในทางเทคนิค คือการดูด้วยกราฟหุ้นของตัวที่สนใจ เปิดกราฟตัวหุ้นที่สนใจ หรือที่เลือกแล้วเห็นแท่งเทียนมากมาย ทั้งเขียวทั้งแดง มาดูที่ indicator หาดูว่า มีตัวที่เรียกว่า momentum หรือไม่ หากไม่มี ใส่ลงไป ดูว่ามันชี้ชันขึ้นหรือว่าไหลลงด้านล่าง ค่าที่ดีคือสโลบขึ้น หากว่าทะลุค่า 100 นั่นแหละน่าสนใจแล้วล่ะ แท่งเทียนว่าแนวโน้มมันขึ้น ใช่หรือไม่ ลากเส้นแนวโน้มให้ได้ หากลากไม่เป็น ไปเข้าคอร์สอบรมมีมากมาย ให้เลือกหากว่าใช่ ดูต่อ macd มีการตัดขึ้นของเส้นสัญญาณหรือไม่ อยู่เหนือ ศูนย์หรือว่ายังต่ำกว่า ศูนย์หากยังต่ำกว่า ศูนย์ ยังไม่ดีเท่าไรนัก
RSI อยู่ที่เท่าไร ค่าที่ต่ำกว่า 30 คือภาวะหมีของหุ้น กะทิงจะอยู่ระหว่าง 40-70
ส่วนเกิน 70 เรียกว่า เข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินของตัว RSI แต่ไม่ใช่สัญญาณขาย
วอลลุมมากหรือไม่ เมื่อเทียบกับของเมื่อวาน สัปดาห์ก่อน หากมากกว่า ถือว่า ดี
แล้วค่อยต่อ
..................
ลุงจี๊ด
24/03/2012ดูเพิ่มเติม

สรุป Indicator เบื้องต้นที่พี่คณิตใช้นะค่ะ
1. Momentum > 100 ดูความชันว่าแนวโน้มขึ้นหรือลง
2.Macd > 0
3.RSI < 30 ขาลง ขาขึ้น 40-70 RSI >70 เกิดภาวะ Overbought แต่ไม่ใช่สัญญาณขาย
4.Volume > สัปดาห์ก่อนไหม หากมากว่าถือว่าดี  

วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555

23/3/2555

NVDR 23/03/12 =>

TOP BUY : BBL , BAY , PTTGC , DTAC , QH

TOP SELL : KBANK , CPALL , BCP , BH , CPF

พี่คณิต 22/3/2555



พี่คณิต หลุด 1180 ลงมาก็เหนื่อยแหละ

พี่คณิต เคยอ่านขำๆป่าว เด็กหญิงบอกแม่ ..แม่ ๆ รับรองลุงไม่เห็นกางเกงในหนูหรอก หนูถอดมันเก็บไว้แล้ว แล้วจะให้ตี

ถาม ลุงณิตตีเส้นแบบอัพเทรนด์ แปลว่าลุงมองว่าไปต่อใช่ไหมคะ

ตอบ Down trend ได้ยังไง ก็มันยังเป็น up trend แต่มันทำ สองยอดคู่เมื่อวาน แล้ววันนี้ทำไฮ แต่มันไปเจอต้านเก่า ปี 1995 มันก็ลง แต่การลงมันลงแรงเพราะความหวาดกลัวมาครอบงำอย่างกระทันหัน อย่างน้อยยังมีอีกสองแท่งแดงที่จะตามมา ข่าวร้ายจะมีมานับจากนี้ ไม่ต้องเสียเวลาหาข่าว มีคนเอาข่าวมาเขย่าได้ทุกวัน ข่าวร้ายมาหลังจากเซ็ทลงแรงเสมอ ฟังคนเขาวิเคราะห์กันพรุ่งนี้แล้วกัน โพสทังกราฟ บอกทั้งตำแหน่งหมายเลข 1215 เมื่อสองวันก่อน แล้ววันนี้ หาเพลง ครูบนดอยเจอ ก็ยังโพสให้ฟังก่อนเปิดตลาดช่วงบ่าย

ถาม พี่ Kanit มองว่า 1215 อาจเป็นจุดจบรอบนี้ ก่อนจะปรับตัวลงเพื่อไปต่อครั้งใหญ่กว่ารึเปล่าครับ ^^

ตอบ เซ็ทยังคงเป็นขาขึ้นในระยะยาว แต่การปรับฐานครั้งนี้ อาจจะแรงพอสมควร แท่งแดงกินแท่งเขียวจนทะลุลงมาด้านล่าง พรุ่งนี้จะโพสกราฟ พร้อม indicator ตอนเช้า

ถาม แสดงว่าเลข 1215 คงได้เห็นใช่ไม๊ค่ะ แต่ต้องใช้เวลาอีกเป็นเดือน ซึ่งก็จะครบ 17 ปีเต็มพอดีใช่ไม๊ค่ะ(เดา) พี่คณิต

ตอบ มันคือแนวต้านที่ค่อนข้างแข็ง

ถาม ผมเฝ้าสังเกต Pattern ของแท่งเทียนทุกวันตั้งแต่เริ่มต้นของรอบนี้ หลายครั้งมีสัญญาณปลายตลาดออกมาเขย่าเป็นระยะ แต่ไม่อาจทำให้ SET ลง และเคยเดาเล่น ๆ ว่ามีอยู่แบบนึงที่เคยทำให้ SET ลงได้ในรอบที่แล้ว ก็คือ Bearish Engulfing รอบนี้ก็มีวันนี้อีกครั้งที่ค่อนข้างชัด ต้องรอดูตลาดเฉลยว่าถูกต้องมั้ยในวันพรุ่งนี้ครับ ^^

ตอบ ผมยังเชื่อว่า แท่งแดงยังมีมาอีกสองแท่งเป็นอย่างน้อย มันจะเป็นอีกาสามตัว ที่บินมาโฉบเหยื่อ ใช่หรือไม่ตลาดจะเป็นคนตอบ ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดที่ทดสอบตลาด จะไปต่อหรือว่าจะพักฐานก่อน ในระดับวัน rsi 76 เมื่อวาน แต่วันนี้ระหว่างเทรดน่าจะไปถึง 80 ยังไงมันก็ต้องลง sto ก็เตือนมาก่อนแล้วว่า ซื้อมากเกินไป ผมนั่งดูนิ่งๆมาสองสามวัน ไม่รู้จะซื้ออะไร มันไม่มีอะไรน่าซื้อ รออย่างเดียว ความคิดผม คอยฟังข่าวร้ายจะเข้ามา มันมาหลังจากตลาดปรับฐานแรงเสมอ

ถาม นี้แค่ตัวเลข จะผ่านหรือย่อลงมา เหมือนรอบที่กังวล ว่าจะขึ้นถึง 1180-1190 ได้เปล่า เพราะช่วง 1150-1170 ขึ้นแล้วไหลลงไป 1144 ความกังวลก็เกิดขึ้น การจะผ่านไปที่สูงๆที่ไม่เคยผ่านมานานแสนนานเป้นธรรดาต้องใช้การเตรียมความพร้อม ไม่แน่วันนี้อาจมายืนไกลเลขที่กังวลก็ได้ และไม่แน่ก็อาจจะไหลไปพักร้อน 1178 ก็ได้ แต่ขอให้มีสติในการตัดสินใจ อย่ากังวลจนตื่นตูม ค่อยๆคิดค่อยๆมองและดูหุ้นในพอร์ตของตัวเองว่ามีการเปลี่ย่นแปลงอย่างไร มีแล้วกังวลก็ทำให้เกิดผ่อนคลายทำกำไรของมาบาง ไม่มีแล้วอยากมีก็หาตัวที่คิดว่าลงแล้วพื้นฐานดีน่าสะสมและยังเป็นตัว Laggard หรือตัวที่จะเกร็งกำไรใน Q1 ที่จะออกมาดี เพื่อคลายกังวลว่าจะตกรถเวลา มันผ่านเลขที่กังวลขึ้นไป ^^

ถ้าแนวต้าน 1215 ที่พี่คณิต post ไว้ + Bearish Engulfing มีอิทธิพลแบบมีนัยยะจริง ๆ อาจจะได้เห็นจุดจบของ SET รอบนี้ และถ้าเป็นอย่างนั้น การนับ Wave รอบนี้อาจจะจบเป็นคลื่น 1 และปรับตัวลงเป็นคลื่น 2 (นับรอบเริ่มจากจุดต่ำเก่าที่ 843 จุด) ก่อนที่จะเดินหน้าต่อเป็นคลื่น 3 ใหญ่ ถ้าสมมติฐานนี้เป็นจริง อาจได้เห็น SET ลงมาให้คนตกรถรอบนี้ได้ขึ้นกันที่หลายระดับ ตาม Chart นี้ครับ (ผมคาดการณ์เล่น ๆ โปรดใช้วิจารณญาณตัดสิน) ^^

พี่คณิต หุ้นมันลงก็เล่นตามลง ดูจังหวะในการขายแล้วซื้อคืน แต่อย่าเปลี่ยนตัวในช่วงขาลง เพราะมันก็คงลงไปเหมือนกัน เขาเรียกว่าsap ก็ลองหาจังหวะ เอาเงินออกมาแต่หุ้นเท่าเดิม หุ้นขึ้นเล่นทางขึ้นหุ้นลงเล่นทางลง ไม่มีหุ้นในพอร์ตก็ไม่ต้องรีบร้อน เล่นหุ้นให้ได้ ทั้งในขาขึ้นและขาลง ทำตัวให้อยู่บนยอดคลื่น มันไปทางไหนไปด้วย อย่าให้ตกจากคลื่น พลิ้วไหวไปกับมัน หากเคยรู้เรื่องสนามแข่งหนู ตอนนี้เราเป็นหนูในสนามแข่งหรือป่าว มันเหนื่อย หยุดพักบ้างก็ได้ ใช่ว่าต้องแข่งทุกวัน รีบาวน์ให้ยิ้ม แล้วมันก็ลงต่อ ธรรมชาติของความผันผวนแต่มันมีเสน่ห์เสมอ หากมันไม่มีเสน่ห์ ไม่มีนักลงทุนเฝ้าหน้าจอเทรดกันหรอกครับ


พี่คณิต หากวันหนึ่ง คุณมีหุ้น และมันอยู่ในแนวโน้มขึ้น หากคุณใจเย็น กล้าถือ จนวันหนึ่งแม้ตลาดจะเกิด panic sell คุณขายราคาไหนก็ไม่ขาดทุน ลงไปถึงฟลร์อ ก็ไม่ขาดทุน คุณเย็นพอหรือป่าว น้ำแข็งที่ดีที่สุด คือมันไม่ละลายแม้จะตั้งทิ้งไว้กลางแดดยามเที่ยง

พี่คณิต เรื่องจริง นักลงทุนมีกำไร 2 ช่องพอใจ ขายแล้ว แต่ขาดทุน 5 ช่อง หรือ 20 ช่อง สามารถถือได้อย่างยาวนาน เป็นเช่นนี้เสมอมาและจะเป็นเช่นนี้ต่อไปครับ

ถาม มีคำถามเรื่อง SAPค่ะ ถ้าหากว่ามันลงไกลมากจากทุน โดยไม่ทัน cut loss จะเริ่มทำSAP ณ.จุดต่ำนี้ก็ยังทันใช่มั้ยคะ(หุ้นมีแนวโน้มลงเรื่อยๆค่ะ)

พี่คณิต ตอบ sap มันเป็นเทคนิค ที่ดีอย่างหนึ่ง แต่ข้อผิดพลาดมันเกิดจากนักลงทุนเอง บางคนขายไปแล้ว หุ้นมันลง ก็ดูมันลง ผมก็เห็นด้วย แต่พอมันเริ่มจะกลับตัว แต่ไม่กล้าซื้อกลับ อยากให้มันลงอีก สุดท้ายก็ไม่เกิดประโยชน์จากการทำ sap ความกลัวของคนเล่นหุ้น(แต่คงไม่ทุกคน)ขายก็กลัวมันขึ้นต่อ เกิดความโลภ ซื้อก็กลัวมันลง กลัวติดดอย เป็นอาการของคนที่ไม่เคยมีความมั่นใจในการเทรดของตัวเอง

เทคนิคพี่เปี๊ยก 22/3/2555



Nattawat Onratn 22/3/55

หุ้นชุด A ให้ตามแบบนี้นะคับ

หุ้นที่ไม่มารอบนี้ ให้ดูว่า มีแรงขายต่ออีกไหม


ถ้าไม่มี อาทิตย์หน้าผมอาจจะซื้อ PTT PTTEP BANPU เข้าพอร์ต

หุ้นที่เป็นตัวนำมาตลอด ADVANC BBL SCB KBANK


พรุ่งนี้โดนถ้ามีแรงขายต่ออีกวัน แปลว่า ไม่ไหว ต้องถอยยาว

อีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่มที่เพิ่งเล่น แต่โดนอัดซะก่อน

ดูพรุ่งนี้ว่ามีแรงสู้ไหม ถ้ามี แปลว่า เงินฝรั่ง ขาย Bank ใหญ่


เข้ามาที่กลุ่มนี้ PTTGC SCC TOP และชุดนี้จะเป็นเป้าหมายเก็งกำไรในสัปดาห์หน้า

ทั้งหมดนี้ เป็นการนั่งดูนิ่งๆ อยู่ติดขอบเวที อย่าเพิ่งผลีผลามนะคับ

ฝั่งฝรั่ง หุ้นยังไม่ได้ขาย แต่ตรู...ไม่มีแรงแล้ว

ฝั่ง TFEX ดีนะที่ค่อยๆ ผ่อนออก ไปเยอะแล้ว

ฝั่งรายย่อย เริ่มมั่นใจมากขึ้น ว่าตลาดไม่ลง

ฝั่งอื่น....พี่ไม่รู้.....ฝั่งน้องๆละเป็นไงบ้าง

Pipath Tiewtoy ฝั่งรายย่อย เริ่มมั่นใจมากขึ้น ว่าตลาดไม่ลง อันนี้เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเปล่าครับ?

ต๊ะ มีสาระจัง ฝั่งของน้องอาจมีบาดเจ็บบ้างนิดหน่อย พอเอาตัวรอดได้

ไม่ต้องเป็นห่วง เตรียมยาแดง ยาอม ยาหม่องไว้พร้อมแร๊วค๊าาาา

Nattawat Onratn การต่อสู้ ต้องมีบาดเจ็บ แต่อย่าตายนะ สัญญา รับปาก กับพี่ ได้ไหม

Watsawee Asavawi ผมไม่ตายครับ ผมขอแอบข้างๆ น่ะงับ

Nattawat Onratn ห้องเรียน เป็นไง บ้าง

ช่วงนี้ พี่ยุ่งมาก นี่ก็เพิ่งเสร็จงาน

Jim Jittima เรียบร้อยดีค่ะ ไม่มีตีกัน

Chalinee Nipanpong หนังเหนียวและเหี่ยวด้วยค้ะ ตายยากสส์ อดทนและทนอดกับหุ้นตัวเล็ก MAI อยู่ค้ะ

ถ้าปีนี้ขายออกได้ จะจดจำและสะสมประสบการณ์เทรดไว้เป็นบทเรียนค่ะ

Nattawat Onratn ผมตั้งใจ ให้ห้องเรียน เป็นห้องสมุดด้วย คนต่างจังหวัด จะได้อ่าน

Saowakon Kiewsrikul รบกวนถามThai คะ เผลอเข้าไปแล้วอะค่ะ

Nattawat Onratn THAI 25.5 เอาอยู่ สู้ได้

Manasavee Chuleewattanapong หนูแอบหนีบปูมาค่ะ เลยนั่งหัดนับเวฟแบบตาเป็นแพนด้า

(ชั้นไม่อยากเชื่อว่า1214จะเป็นยอดw5. แงๆๆ)

Nattawat Onratn manasavee เก่งนะ ประยุกต์ใช้ได้เร็วดี

Pierh Tanun แนวรับที่สองที่พี่เปี๊ยกเคยให้ไว้ยังเอามาใช้ได้มั้ยครับ?

หรือว่าจะดูว่าไม่ทำโลว์ใหม่จากวันก่อนดีกว่าครับถึงจะเข้ารับหุ้น

Nattawat Onratn พรุ่งนี้ จะทำให้ใหม่ ถ้าทันนะ

Woravut Siwarungsan วันนี้จัดหนัก SCB ท่าทางจะขึ้นดอยอีกแล้ว

แนวรับ SCB พอมีไหมครับพี่เปี๊ยก ช่วงนี้ใช้กราฟเทคนิคพอไหวไหมครับ??

Nattawat Onratn BBL SCB KBANK ADVANC กราฟเทคนิค สู้เม็ดเงินไม่ไหว

พี่เขาคุมเกมได้หมดแล้ว ใครมีอยู่ต้องภาวนา ไม่ให้เขาขาย แนวรับไม่กล้าคำนวณ

Thanasrap Jaopitakwong ตอนนี้ว่างทุกพอทเลย ขายหมดแต่วันอังคารแล้วให้ทำไงต่อ

Nattawat Onratn ไปเที่ยวเกาะช้าง

Suthinard Wongtangjai Thai. ซื้อเพิ่มได้ไม๊คะคุณเปี๊ยก

Nattawat Onratn Thai เก็บได้คับ พี่นารถ

Thanasrap Jaopitakwong ไปรอรับSetแถวไหนดีครับจะได้ค่อยๆไปรับ เข้าพอท ขอบคุณครับ

Nattawat Onratn รอบนี้ อย่าดู SET ดูหุ้น ที่เราตามเลยคับ

Jarunase Thitisakmethee พวกเราส่วนใหญ่ในห้องนี้ อยู่ในเกณฑ์ ที่เค้าเรียกว่า......ตายยากค่ะ 55555

Nattawat Onratn สงสัยจะเป็นชมรมเมียหลวง ชราง่าย ตายยาก รวมกันเราอยู่ ทิ้งกรู มึงตาย..

กาญจนาภรณ์ ครุธเวโช set ลง 16จุด ทำไมสื่อสารยืนได้หมดทั้ง dtac intuch advanc คะ

Nattawat Onratn เงินฝรั่ง ยังอยู่ในนี้ เขาไม่ขายก็ไม่ลง ถ้าดู Index รอบนี้เราจะงง ให้ดูตัวหุ้นดีกว่าคับ

Chuan Quan Chen คิดยังไงกับคู่แฝดนรกQH-TMB บ้างครับ

Nattawat Onratn เงินรายย่อย ที่ไม่รู้จะไปไหน เมื่อวาน เข้า IRPC TMB JAS RAIMON LH QH

เวลาตลาดเซ รายย่อยทนไม่ไหว ขายตามตลาดมา เป็นปกติ ไม่มีอะไร เดี่ยว ไม่มีอะไรทำ ก็เข้าไปใหม่คับ

Pang Pond พี่คร้าาา rasa ไหวไหมคร้า รบกวนติดนานมากกก เพิ่งเสีย itd ไปคร้า

Nattawat Onratn พี่กำลังสนใจ ITD อยู่ ถ้า RASA 3 วันนี้ ไม่มาที่ 2.06 เราก็ไปนะ

วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

22/3/2555

ครึ่งเช้า Fund Survey Fund Flows Tracking: (12.30) FI +1,004(7 Brks) LI -542(5AM)
 Flows; Buying: THAI*,PTTGC,HMPRO,IRPC,DTAC,HEMRAJ,QH
Selling; IVL 
SET ปิด 1191.00 จุด ลบ 16.67 จุด (-1.38%) Vol.40,047.87 ลบ. 

+ Window dressing: กลุ่มที่ Underperform SET YTD โรงแรม พลังงาน ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร เก็งกำไร ERW CENTEL SVI TUF (บาทอ่อน)https://fbcdn-sphotos-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/558104_321707217891985_100001581299050_922757_998247943_n.jpg

SET จะไปถึงไหนหลังจากเบรค 1207.87 วันพุทธที่21/3/2555


การดูว่าหุ้นถูกหรือแพงนั้น ของตลาด SET


คำถามที่พบบ่อย:อาจารย์หุ้นขึ้นมาน่ากลัวจังตั้ง1200แล้ว แพงไปนะ รอซื้อต่ำกว่า1000ดีกว่ามั้ย?

คำตอบ:ต้องตอบแบบมืออาชีพ อย่าตอบแบบมวยวัดนะครับ ตอบผิดนี่ขายหมูบาน ตกรถหัวคะทำเลย


การดูว่าหุ้นถูกหรือแพงนั้น มืออาชีพเขาไม่ได้ดูว่าอยู่ที่กี่จุดนะครับ ไม่ใช่ 500 จุดถูก หรือ 1,200 จุดแพง แต่ขึ้นกับค่าP/E(อัตราส่วนของราคาต่อกำไร)

อย่างตอนเดือนตุลาคมปี 2552 นั้นดัชนีSETอยู่ 750 จุด แต่ค่าP/Eเวลานั้นพุ่งไปที่ 29 เท่านะครับ เพราะกำไรของบริษัทจดทะเบียนเวลานั้นไม่เท่าไหร่ การที่ดัชนีหุ้นไป750จุดก็นับว่าแพงม้าววก เพราะP/E29 เท่า

ส่วนล่าสุด( ณ วันที่ 20 มีนาคม ดัชนีSETมาเกือบๆ1,200จุด แต่ค่าP/E อยู่ที่ 12.60เท่า) ดังนั้นก็แสดงว่าเวลานี้หุ้นราคาถูกกว่าตอนเดือนตุลาคม 2552 เป็นต้น

ในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทยนั้น เคยแพงที่สุดตอนเดือนมกราคม 2537 ตอนที่SETขึ้นไปที่1789 จุด เคยแพงที่สุด 31 เท่า รองลงมาคือเดือนตุลาคม 2552 สูงถึง 29 เท่า

เคยต่ำที่สุด3.37เท่า ในเดือนพฤศจิกายน 2544

เวลานี้ ( อัพเดต ณ วันที่ 21 มีนาคม) ค่าP/E SET=12.60เท่า ไม่แพงครับ แต่ก็ไม่ถูกครับ อยู่ระดับกลางๆค่อนข้างไปทางถูกหน่อยๆครับ

สรุปแล้วเวลาจะบอกว่าหุ้นถูกหรือแพง อย่าไปดูที่Market priceนั่นมันมวยวัด พวกเราต้องดูP/Eอันเป็นมาตรฐานสากลของมืออาชีพเขาครับ
By: ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์

NDVR ตะกูลปอ 21/3/2555



ลิงค์ดูราคาตลาดหุ้นทั่วโลก Real Time

http://www.linkgfx.com/Realtime%20stock%203.php

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555

เทคนิคพี่เปี๊ยก 19/3/2555



Nattawat Onratn 19/3/55

วันนี้ติดงานเลี้ยงลูกค้า พรุ่งนี้ ถึงวันศุกร์ ติดเตรียมงาน เทคนิเคิล ทอล์กโชว์

เจอกันอีกที วันจันทน์หน้าเลย แต่ถ้าว่างอาจจะแวะมา Join บ้าง

วันนี้ ผมนั่งดูตลาด ได้ข้อมูลดังนี้

BBL SCB เวลาที่ฝรั่งไล่ราคา ช่อง Offer บางมาก


แปลว่า ไม่มีใครมีหุ้น นอกจาก ฝรั่ง ไม่มีใครตามด้วย

KBANK ADVANC มีแรงขายที่มีนัยสำคัญ ต้องเฝ้าดูพรุ่งนี้

ฝรั่งไม่เข้าพลังงาน มีความพยายามที่ TOP PTTGC PTTEP แต่ไม่สำเร็จ


แรงขายออกมา ฺBANPU PTT IVL หุ้นพวกนี้ นอกจากไม่ขึ้นแล้ว ยังโดนขาย

เม็ดเงินในประเทศ พยายามจะเข้า Bank กลางๆ แต่ไม่มีคนตาม

แปลว่า สมมติฐานที่ว่า อาจจะมีการการย้ายกลุ่มเล่น ไม่มีแน่

ผมสงสัยว่า BANK ใหญ่ ผรั่งจะออกตัวอย่างไร ไม่ต้องเดา ตามดูไว้

เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ เล่นBank 3 ตัว ตัวอื่นไม่เล่น

เอา SET ไปที่ 1200 ได้ ฝีมือมากๆ

อาทิตย์นี้ ขอเป็นผู้ดู ถือเงินนั่งดูนะ อย่าถือหุ้นนั่งดู
วันพุทธที่ 21/3/2555 SET วิ่่งยาวมาทะลุแนวต้านสำคัญ 1200 จุด Fund Flow ต่างชาติเข้าตลอดตั้งแต่ปลายปี2011 เราไม่ได้ซื้อหุ้นหลายตัวเลยเพราะความกลัวในความแรงของตลาด แบบนี้ใช่ไหมที่เค้าบอกกันว่า ต้องกล้าในเวลาที่คนกลัว ต้องกลัวเวลาที่คนกล้า เข้าำไม่ทันเลย รู้สึกว่าเสียดาย แต่ไม่มาก เพราะเชื่อว่ามันมีขึ้นต้องมีลงรอรอบหน้าก็ได้ รอบนี้การเทรดของทั้งต่างชาติและรายย่อย มีการลงทุนการเข้า-ออกที่แตกต่างออกไป น่าจะเกิดจากมีความรู้ในการลงทุนมากขึ้น มีกาีรใช้กราฟในการซื้อขายมากขึ้น และมีนักลงทุนแนวVI มากขึ้นทำให้เวลาหุ้นลงไปก็จะมีคนมารับซื้อตลอด ส่วนแนวเทคนิคนั้น ต่างชาติก็รู้ทันว่ารายย่อยมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ผ่านมา ต้องดูว่าจะลากSETไปถึงไหน แล้วใครกันแน่จะติดดอย

ยอดซื้อ-ขาย 21/3/2555



(Time 12.30) FI +899(7 Brks) LI -498(5AM) Flows;

Buying; KK,TCAP,THAI,DTAC

Selling; KBANK,SCB,BBL

AYD: ภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังคงแกว่งตัวและพักฐานบ้างในระหว่างการซื้อขาย ขณะที่มองว่า หุ้นกลุ่มปิโตรเคมีจะเริ่มมีโมเมนตัมที่ดีขึ้น เนื่องจากได้ี underperform มาประมาณ 1 เดือนแล้ว ทั้งนี้ประเมิน แนวรับอยู่ที่ 1,200 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,230 จุด กลยุทธ์ แนะนักลงทุนถือหุ้น 70% และถือเงินสดไว้ 30% 

Nomura:ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่ อ หลังตลาดฯ ได้รับปัจจัย
สนับสนุนกรณี กสทช.มีนโยบายที่ ชัดเจน  ส่ งผลบวกต่ อหุ้นกลุ่ มสื่ อสารและบันเทิง   
ปรับตัวขึ้น ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวขึ้นมาอย่ างต่ อเนื่ อง จึงต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นระหว่างวัน และติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีนอย่างใกล้ชิด แนะเก็งกำาไรระยะสั้นหุ้นกลุ่มสื่ อสารและบันเทิง ให้แนวรับที่ 1,188 - 1,193 จุด 
แนวต้านให้ไว้ที่ 1,200 - 1,211 จุด 

AFET
“หุ้นทะลุ 1,200 จุด”   “ตลาดทุนทั่วโลกฟื้น”เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ บริษัท พัฒนาเกษตรล่วงหน้า จำากัด (PAF) RSS3 - วานนี้มีปริมาณการซื้อขาย 90 สัญญา สถานะคงค้าง 4,071 สัญญา
- ปิด 125.10 บ./ก.ก. เพิ่มขึ้น +0.60 (สัญญาส่งมอบเดือนต.ค. 55)  
ปัจจัยบวก - ตลาดทุนทั่วโลกฟื้น
- อยู่ในช่วงยางผลัดใบ 
- น้ำ้มันอยู่ในระดับสูง
- เส้นเทคนิคยืน 124 - 123 บ./ก.ก. 
- ยาง TOCOM ไม่หลุด 330 เยน
กลยุทธ์ - เปิดสถานะซื้อหากไม่เกิน 126 - 127 บ./ก.ก. (สัญญาส่งมอบเดือนต.ค. 55) 
- แนวรับ 124 - 123 บ./ก.ก.  
- แนวต้าน 129 - 130 บ./ก.ก

TFEX SET ทะลุ 1200 จุด
นายกิดาการ สุวรรณธรรมา ผู้อำานวยการอาวุโสฝ่ายธุรกิจอนุพันธ์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำากัด (มหาชน) หรือ PST
SET50 Futures 
- วานนี้มีปริมาณการซื้อขาย 20,297 สัญญา สถานะคงค้าง 33,821 สัญญา
- ปิด 854.80 จุด เพิ่มขึ้น 10.70 จุด (สัญญา SH5012 มี.ค. 55)

ปัจจัยบวก - หุ้นทะลุ 1,200 จุด 
- เงินนอกยังไหลเข้า 
- ประชุมกนง.คงดบ.ที่ 3% 
- ตัวเลขศก.สหรัฐฯยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ 
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในหุ้น 1,760.90 ลบ.

ปัจจัยลบ - ระวังต่างชาติขายทำากำไร      
กลยุทธ์ - เก็งกำาไรฝั่งซื้อ (สัญญา S50H12 มี.ค. 55)
- แนวรับ 838  จุด 
- แนวต้าน 859 จุด
- SET50 ประเมินแนวรับ 830 จุด แนวต้าน 856 จุด  

วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2555

เทคนิคคุณเปี๊ยก 15/3/55


เทคนิคคุณเปี๊ยก 15/3/55
By Visut Burapornpong in แมงเม่าสำราญ · Edit Doc


Nattawat Onratn 15/3/55

ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ใครที่เล่นเก็งกำไร หุ้นธนาคาร ต้องระวัง ถอยได้ก็ถอย

ส่วนพลังงาน รอสัญญาณซื้อเพื่อเก็งกำไรระดับ 50% ของพอร์ต อาทิตย์หน้าถ้าเกิดนะคับ

ตัวเล็ก ตัวกลาง น่าจะปลอดภัยกว่า เช่น BANK กลางๆ BAY TCAP

สัญญาณ การถอยของฝรั่ง ตามค่าเงินไว้ดี อาทิตย์หน้ามีลุ้น เงินอาจจะออก

Thongchai Na Chiangmai หัวหน้าห้องมาแล้วรุมกันใหญ่ :D

Nattawat Onratn ช่วงนี้ ผมขออนุญาต ลดเวลาคุยลงนะคับ ทั้งงานราษฎ งานหลวง หลายห้องเหลือเกิน

ต้องแบ่งภาค

Tiny Smally สวัสดีค่ะ อาจารย์.. ESSO เกิดอะไรขึ้นคะ..หลุด 14

Nattawat Onratn ESSO ถ้าวันอังคารหน้า ไม่กลับขึ้นไปที่ 14.3 ให้ขายออกคับ

PTT SCC รอบที่จะลงใหม่นี้ ห้ามหลุด 340 ถ้าหลุดอย่าเพิ่งซื้อ อย่าตั้ง BID นะคับ ใช้เคาะเอาดีกว่า

Deer Dear บอกเล่าอาการคร่าวๆของเซตตอนฝรั่งถอยหน่อยได้ไหมคะ พึ่งเข้ามาเจอfundflowครั้งแรก มือใหม่สุดๆค่ะ

Nattawat Onratn การเข้าของ Fundflow รอบนี้ วิธีเข้าก็แตกต่างจากรอบที่แล้ว เชื่อว่า ตอนออกก็น่าจะมีลีลาต่างจากของเดิม ถือเป็นกรณีศึกษาใหม่ของผมเช่นกัน ตอนนี้หุ้นถูกแบ่งเป็นสองกลุ่มชัดเจน คือ ตัวโดนทุบ กับ ตัวโดนไล่ขึ้น

ตัวโดนทุบ คือ PTTGC TOP SCC BANPU PTTEP PTT เป็นกลุ่มพลังงานทั้งหมด

ขณะที่กลุ่ม BBL SCB KBANK ADVANC เป็นตัวโดนไล่ขึ้น

ปัญหาก็คือ ตัวโดนไล่ เราก็ไม่มี เพราะขายออกไปแล้ว จะเข้าไปก็ไม่กล้า

ตัวที่โดนทุบ เราเข้าไปกำไรไม่ขายก็ติด

Amonrat Tukta แย่จังแล้วจะลงตัวไหนดีที่จะเก็งกำไรละค่ะเนี้ย

Nattawat Onratn เราควรจะทำอย่างไร มีทฎษฏีบางอย่างของเทคนิเคิล บอกว่า BANK อาจจะขึ้นแท่งเขียว

เป็นวันสุดท้ายในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นผมจึงเตือนในวันนี้

ส่วนพลังงาน ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว แต่ถ้า 3 วันไม่มี new low ก็น่าสนใจ ซึ่งมันจะ confirm วันจันทร์นี้

สมมุตว่า ฝรั่งออก เราจะเห็น แรงขาย ที่ BBL SCB KBANK ADVANC อย่างหนัก เหมือนที่ พลังงานโดน

แต่พลังงาน ใช่ว่าจะไม่มีแรงขาย อาจจะโดนยำอีกรอบ

อันนี้ เราจะต้องติดตาม เงื่อนไขพวกนี้เอาไว้

แต่ถ้า ฝรั่งยังอยู่ต่อ แรงซื้อจะกลับเข้ามาที่พลังงานแทน

พรุ่งนี้ ไม่น่าจะรู้ผล ดังนั้น ช่วงว่างๆ ก็ 2 ตัวล่าง 3 ตัวบน โต๊ดเต็ง ไปก่อน

Kittikorn Issariyakamol ‎"พรุ่งนี้ ไม่น่าจะรู้ผล ดังนั้น ช่วงว่างๆ" อ่านมาแบบลุ้นว่าจะต้องทำไงน้อ

เจอ "ก็ 2 ตัวล่าง 3 ตัวบน โต๊ดเต็ง ไปก่อน" ขำก๊ากเลย :D

Nattawat Onratn เอาเลขเด็ดไหม

Suthinard Wongtangjai คุณเปี๊ยก หุ้นที่ถูกทุบ รอซื้อเมื่อไหร่ได้คะ

Nattawat Onratn รอ sms คับ

Tamtada Tanaprasitputtana T__T ผมติด BAY 28 บาท จะถึงไหมครับ รอบนี้ อาจารย์ช่วยให้คำแนะนำด้วยครับ

Nattawat Onratn รอบนี้มีลุ้นคับ

เสาวนีย์ จิตโสภีพงษ์ อ.ค่ะเข้าพลังงานptt pttep pttgc top เข้าตัวไหนดีค่ะ

Nattawat Onratn PTTGC PTTEP น่าจะดีกว่า

โครงสร้างการเล่นของเรา หุ้นที่ติด ถ้าขึ้นมาก็ขายซะ ณ ขณะนี้ เท่าทุนก็น่าจะ OK นะ

Meeya Kuekool หนูว่าจะแทง 3 ตัวบน ราคาบ้านปู

Nattawat Onratn meeya ขาย BANPU ไปแล้วใช่ไหม

Deer Dear ภายในสามวันตัวที่โดนทุบถ้ามี new low ก็อย่าพึ่งรับใช่ไหมคะ

รอให้นิ่งๆสามวันขึ้นไปก่อนถึงน่าจะรับเข้ามาใช่ไหมคะ

Nattawat Onratn ใช่คับ

Jim Jittima ยังไม่ได้ให้เลขเลย

Nattawat Onratn ผมเจอคนใบ้ คนหนึ่งเก็บขยะอยู่ ปรกติผมก็จะให้ สตางค์ 100 บาท นานๆ เห็นแกทีหนึ่ง เขาขยัน แต่เป็นใบ้ ตาไม่ดี ค่อยๆ เดิน แต่ก็ยังทำงาน ผมชื่นชมเขา วันก่อน ผมเจอแก ก็เอาแบงค์100 ไปให้เหมือนเคย เขาจับมือผม ตอนแรกก็คิดว่า คิดอะไรกับผมหรือเปล่าเนี่ย เขาทำท่าทาง บอกว่า เขาฝัน แล้วเขียนตัวเลขใส่มือผม บนแกให้ 031 ล่าง แกให้ 26 การพนันไม่เคยทำให้คนรวย โปรดใช้สติ ไตร่ตรอง ว่าเอา 100 คูณ 100 ก็พอนะพี่น้อง ถ้าผิด ผมคงต้องหนีไปต่างประเทศ ท่าทางไม่ดี

Nattawat Onratn ขอเตือนไว้ว่า ถ้าเก็งกำไร แล้วเริ่ม ขาดทุน 2 ครั้งติด ให้ออกมานั่งพักก่อนน

วันพุธที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2555

ตารางหุ้นปันผลปี 2012 credit เวปปันผลค่ะ

http://www.panphol.com/data/index.php/page/latest_dividend/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%A5

หุ้นที่ไม่จ่ายปันผลปี 2012

หุ้นที่ไม่จ่ายปันผลปี 2012
ข้อแนะนำสำหรับ วีไอ มือใหม่
เครดิต http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=51376

ตลอด 4 ปี นับจากนี้ถือว่าเรียนรู้

ความไม่รู้คือความเสี่ยง

แบ่งเงินมาซื้อหุ้นทุกเดือน ห้ามขาย

ซื้ออย่างเดียว

หากิจการที่มียอดขาย มีกำไร หนี้น้อยหรือไม่มี และมีอัตราการเติบโต

ซื้อในราคาที่คุณคิดว่าเหมาะสม แล้วก็ถือ ไปประชุมผู้ถือหุ้น รับปันผล

ราคาหุ้นลง อยากซื้อเพิ่มก็ซื้อ ไม่อยากซื้อก็ไม่เป็นไร

กติกาคือ ซื้อแล้วห้ามขาย

จะขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน ซึ่งมันก็น้อยมาก ที่หุ้นตัวไหนพื้นฐานจะเปลี่ยน แต่ก่อนเคยเจอไม่กี่ตัวเช่น

cei ผลิตพัดลมให้ hunter อะไรนั่น แล้วจู่ๆ hunter ยกเลิกการสั่งพัดลม

สรุป ซื้อแล้วถือกิจการที่มีกำไร แล้วทำไมคุณต้องขาดทุนด้วยหละ

ในเมื่อระยะสั้น หุ้นก็ขึ้นๆลงๆ

และหากคุณแบ่งเงินมาลงทุนทุกเดือน ตัวไหนลงเยอะๆคุณก็ซื้อเพิ่มได้นี่ครับ

................................................

ผ่าน 4 ปีไปแล้ว คุณจะเก่งขึ้นอย่างแน่นอน คุณวันนี้ กับตัวคุณเองอีก 4 ปีข้างหน้า ต้องเก่งขึ้นแน่ๆ

และหุ้นที่คุณถือ และได้ไปประชุมผู้ถือหุ้น คุณก็จะได้สายสัมพันธ์ กับคนที่ถือหุ้นตัวนั้นๆ

คุณจะรู้จักผู้บริหาร คุณจะรู้จัก ir

..............................................

ไม่ต้องหวังกำไรมาก เอาแค่ให้คุณไม่เจ๊ง เป็นอันใช้ได้

หลังจาก 4 ปี คุณก็ต่อยอดตัวคุณเอง ว่าคุณจะเอาอย่างไรกับชีวิต นักลงทุนของตัวคุณเอง

.............................................

ทำไม มือใหม่ ที่ไม่มีความรู้ ในตัวธุรกิจ การตลาด คู่แข่ง งบการเงิน และอื่นๆ

ถึงคิดว่าเข้ามาแล้วจำได้กำไรมากๆอย่างรวดเร็ว

เพราะคุณสำเร็จในงานของคุณไง คุณเหลือเงิน คุณเก่ง

แต่นี่คือตลาดหุ้น ที่ฝังคนล้มเหลว แล้วไม่ได้พูดไว้ มากมาย ถ้าไม่สนิทกัน

ถ้าสนิทกัน คนนั้นก็เจ๊ง 20 ล้าน คนนี้ก็เจ๊ง 10 ล้าน เป็นต้น
ไม่ต้องสนใจว่าผมเล่นแบบไหน

พระท่านสอนเรื่อง บัวในตม

ดอกบัว ถึงแม้จะเกิดจากตม เลอะโคลน เราก็ไม่ต้องไปสนใจ

เราสนใจตรงดอกบัวที่เด็ดขึ้นมาแล้ว นำมาไหว้พระ

หมายถึง คำสอน คำแนะนำ เลือกเอาแต่ที่มีประโยชน์กับตัวเราเอง

อย่าไปสนใจว่า ผู้พูด นิสัยไม่ดี ต่อให้นิสัยไม่ดี ถ้าสิ่งที่เขาพูดแล้วนำมาเป็นประโยชน์กับตัวเรา

เราก็ควรรับ อันนี้อ่านจากเรื่อง บัวในตม

ลองทบทวนดูนะครับ เมื่อมือใหม่ถือหุ้นไป 4 ปี ไปประชุมผู้ถือหุ้น ไป company visit และอื่นๆเช่น ฟัง opp day

การไปรู้จักผู้ถือหุ้น ที่ลงทุนในหุ้นตัวเดียวกัน การรู้จักผู้บริหาร และ ir

สุดท้ายแล้ว คุณจะรู้จักหุ้นตัวนั้นๆ เพราะคุณมีประสบการณ์ในการถือหุ้นตัวนั้นๆ 4 ปี

ผ่านไป 4 ปี คุณจะเจอมือใหม่เข้ามาอีก และความรู้ความเข้าใจในหุ้นตัวนั้นๆ จะไม่เท่าคุณ

แน่นอนว่า คุณจะมีโอกาสทำกำไรมากกว่า


พี่เจ๋งหวังดีกับมือใหม่ สมควรรับฟังอย่างยิ่ง

กว่าจะเป็นมือเก่า ก็ต้องผ่านช่วงการเป็นมือใหม่ นักลงทุนที่ล้างมือในอ่างทองคำก็ไม่น้อย สาบส่งไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีก และคอยติงผู้ลงทุนทุกคนว่าอย่าไปยุ่งกับหุ้นโดยเด็ดขาด เพราะว่าหมดตัวได้ ซึ่งก็จริง

อีกหลายคนที่รอดมาได้ ก็จ่ายค่าวิชามาไม่น้อย จนวันหนึ่งเมื่อรู้เคล็ดวิชาก็รู้สึกว่า ไม่มีการลงทุนใด ๆ หรือโอกาสขุดทองใด ๆ ดีเสมอการลงทุนในตลาดหุ้นอีกแล้ว

ทำไมเป็นเช่นนั้น ???

เพราะว่าการลงทุนที่สำเร็จขึ้นกับความเข้าใจของผู้ลงทุนในการลงทุนครับ

1. การลงทุนมีหลายวิธี ( เช่น strategies, methods, philosophy)... เช่นแบบ ดร.นิเวศน์ แบบเซียน ก เซียน ข เซียนเทคนิค และอื่น ๆ แล้ววิธีไหนละ.....ก็ขอให้เลือกวิธีที่ถูกกับจริตของเราและความสามารถของเรา แต่ที่สำคัญจะเลือกใช้วิธีไหน ก็ต้องรู้จริงในการใช้วิธีนั้น
2. ต้องติดตาม... ลงทุนซื้อหุ้นแล้ว ไม่ติดตามเลย จะไม่ประสบความสำเร็จ หรือ สำเร็จก็จะไม่มากเท่าที่ควร
3. เมื่อวันหนึ่งที่คุณดีดนิ้วว่า... Eureka = I have found it...คุณเริ่มแปลงกายเป็นมือเก่าที่จะประสบความสำเร็จตามมาแล้วครับ
คห.จากคุณกะลามัง_________________

สไตร์แนวเดียวกับที่คุณสุมาอี้แนะนำไว้เลยครับ
ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... 22/437454/กลยุทธ์หุ้น.html

เมื่อเดือนที่แล้ว ผมไปเป็นวิทยากรที่ห้องสมุดมารวย ชั้นล่างของอาคารตลาดหลักทรัพย์ เรื่องเกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นมาครับ
ที่นี่มีการจัดสัมมนาอย่างสม่ำเสมอและส่วนใหญ่ก็เป็นงานที่บุคคลทั่วไปสามารถเข้าฟังได้ฟรีด้วย ใครที่สนใจเรื่องการออมและการลงทุนน่าจะหาโอกาสไปเพิ่มพูนความรู้กันนะครับ
จำได้ว่าผมไม่ได้เขียนเรื่องหุ้นในคอลัมน์นี้เท่าไร เลยอยากจะขอเขียนสรุปแนวคิดหลักของการสัมมนาในวันนั้นไว้ ณ ที่นี้ด้วย แนวคิดส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลมาจาก ปีเตอร์ ลินซ์ กูรูหุ้นคนสำคัญ

โดยส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่า ตลาดหุ้น คือ ทางเลือกในการออมที่เหมาะสำหรับทุกคน เพราะแม้ตลาดหุ้นจะผันผวนสูงมากในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วหุ้นก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และสูงกว่าสินทรัพย์อย่างอื่นมาก ดังนั้นแม้แต่คนที่รับความเสี่ยงได้น้อย ก็ควรแบ่งเงินบางส่วนออมไว้ในหุ้นบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคดอกเบี้ยตกต่ำถาวรอย่างเช่นในปัจจุบัน

วิธีออมเงินไว้ในหุ้นที่ง่ายและดีที่สุด คือ การเลือกลงทุนในหุ้นของธุรกิจชั้นดีเท่านั้น และลงทุนอย่างน้อย 4-5 ตัว แล้วพยายามถือหุ้นแต่ละตัวเอาไว้ให้ได้นานๆ นี่คือวิธีเดียวกับที่ ปีเตอร์ ลินซ์ กูรูหุ้นคนสำคัญแนะนำไว้ในหนังสือของเขา ว่า เป็นวิธีที่เหมาะกับคนธรรมดาทั่วไปมากที่สุด

หัวใจสำคัญของวิธีนี้อยู่ตรงที่การบอกตัวเองว่า จะพยายามซื้อขายหุ้นให้น้อยครั้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะที่จริงแล้ว เรื่องที่ยากที่สุดของคนส่วนใหญ่ในการเล่นหุ้น คือ การควบคุมอารมณ์ของตัวเราเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นผันผวนอย่างหนัก การสัญญากับตัวเองว่าจะเทรดหุ้นให้น้อยครั้งที่สุด คือ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ให้อยู่เฉยๆ เอาไว้ก่อน เป็นการช่วยลดโอกาสที่เราจะตัดสินใจซื้อขายหุ้นไปตามอารมณ์ของเรา ซึ่งมีส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้เราลงทุนผิดพลาด

ครั้งแรกที่ผมได้อ่านวิธีการลงทุนนี้ในหนังสือของปีเตอร์ ลินซ์ ผมรู้สึกเฉยๆ มาก เกือบจะเรียกได้ว่าแทบจะอ่านผ่านไปเลย เพราะมันฟังดูง่ายเกินไป ช่างไม่มีความพิเศษเอาซะเลย แต่หลังจากที่ได้อยู่ในตลาดหุ้นนานขึ้น ได้เห็นพฤติกรรมที่แปลกๆ ของนักลงทุน รวมทั้งของตัวเองด้วย ผมก็ยิ่งรู้สึกว่า วิธีที่ปีเตอร์ ลินซ์ แนะนำเป็นเคล็ดลับที่ยอดเยี่ยมจริงๆ มันไม่น่าจะเกิดจากความคิดของเขาลอยๆ แต่เกิดมาจากการที่เขาผ่านร้อนผ่านหนาวในตลาดหุ้นมานานและได้เห็นอะไรมาเยอะมากแล้วจริงๆ

การทำนายล่วงหน้าว่าหุ้นตัวไหนจะเติบโตดีในอนาคตนั้น บางทีก็เป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับคนทั่วไป แต่ถ้าเราเน้นลงทุนแต่กิจการที่ค่อนข้างมั่นคงเอาไว้ก่อน โอกาสที่ราคาหุ้นเหล่านี้จะลดลงอย่างถาวร เพราะกิจการไปไม่รอดในระยะยาวจะมีน้อย ทำให้พอร์ตของเรามี Downside Risk จำกัด ส่วน Upside Gain นั้นเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้ และถือว่าเป็นของแถม ปีเตอร์ ลินซ์ บอกว่า ในหุ้นดีห้าตัวที่เราเลือกลงทุนนั้น แค่มีตัวใดตัวหนึ่งที่เติบโตได้ดีมาก ส่วนอีกสี่ตัวที่เหลือแค่ธรรมดาๆ ก็เพียงพอที่จะทำให้พอร์ตโดยรวมของเราเป็นพอร์ตที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดีได้แล้ว วิธีลงทุนที่เน้นจำกัด Downside แล้วปล่อยให้ Upside เป็นเรื่องที่ได้เป็นของแถม จึงเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องหุ้นครับ

การเทรดหุ้นบ่อยๆ ยังเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลตอบแทนของคนทั่วไปไม่ดี คนทั่วไปมักจะคิดว่าถ้าเราเทรดหุ้นบ่อยๆ จะทำกำไรได้สูงกว่า เพราะทำเงินได้หลายรอบ แต่โดยสถิตแล้ว คนทั่วไปทำผลงานได้แย่มากในการทายล่วงหน้าว่า ราคาหุ้นกำลังจะวิ่งไปทางไหน ดังนั้น พอร์ตของคนธรรมดาทั่วไปที่ค่อนข้างนิ่งจึงมักให้ตอบแทนที่ดีกว่าพอร์ตที่เคลื่อนไหวของตลอดเวลาโดยเฉลี่ย เพราะการไม่ได้ซื้อขายบ่อยๆ ทำให้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการเทรดหุ้นมีน้อยกว่า

อย่างไรก็ตาม วิธีลงทุนที่ค่อนข้าง Passive มักจะให้ผลตอบแทนต่อปีเป็นตัวเลขที่ไม่สูงมากนัก แม้แต่คนอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็ยังทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้เพียง 21% ต่อปีเท่านั้น แต่เขาอาศัยการลงทุนมานานทำให้พอร์ตโตขึ้นอย่างมหัศจรรย์ วิธีนี้จึงไม่อาจทำให้รวยเร็วๆ ได้ จึงเหมาะกับคนที่มีเป้าหมายเป็นการออม และสามารถรอคอยได้

แต่สำหรับคนที่เข้ามาในตลาดหุ้นโดยมีเป้าหมายที่จะ "เปลี่ยนชีวิต" ด้วยตลาดหุ้น เช่น จากคนที่ไม่รวยกลายมาเป็นคนที่ร่ำรวยได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีด้วยการเทรดหุ้นนั้น โดยส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่าเป็นไปได้ แต่ต้องเข้าใจว่า คนทำสำเร็จจริงๆ นั้น มีอยู่ไม่มากนัก แต่การที่หุ้นเป็นแค่การซื้อๆ ขายๆ แล้วได้กำไร ทำให้เกิดภาพลวงตาว่าการ "รวยด้วยหุ้น" เป็นเรื่องที่ง่ายกว่าวิธีการอย่างอื่น

ฉะนั้นคำแนะนำของผมสำหรับคนที่อยากรวยด้วยการเทรดหุ้นจริงๆ คุณต้องเอาจริงกับมันอย่างมากเท่านั้น ตามสถิติแล้ว คนที่เทรดหุ้นแล้วไม่ขาดทุนนั้นมีอยู่น้อยกว่าคนที่ขาดทุน ยิ่งถ้าเป็นสัดส่วนของคนที่ได้กำไรจากหุ้นมากเสียจนเปลี่ยนชีวิตได้เลยนั้น ยิ่งมีน้อยมาก การจะเป็นหนึ่งในคนจำนวนน้อยมากจึงไม่อาจหวังพึ่งแค่โชคช่วย หรือใช้วิธีการที่เหมือนๆ กับคนอื่นได้เลย คุณต้องมีอะไรบางอย่างที่โดดเด่นกว่าคนอื่นในเรื่องหุ้น

แต่ถ้าหากคุณไม่มี ผมแนะนำให้คุณตัดช่องน้อยแต่พอตัว แล้วหันมาเลือกวิธีแบบที่ค่อนข้าง Passive ยอมรอนานหน่อย คุณก็สามารถมีผลตอบแทนจากหุ้นที่ดีในระดับหนึ่งได้แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเก่งหรือทุ่มเทให้กับตลาดหุ้นมากๆ เลย

คห.จากคุณ Saran