สรุป How Buffett Does It ตามรอยวอเร็น บัฟเฟตต์ เคล็ดลับง่าย ๆ 24 ข้อ จากสุดยอดนักลงทุนระดับโลก Posted by: อ้ายคำปัน Tags: Warren Buffett, นักลงทุนระดับโลก, วอร์เรน บัฟเฟทท์, วอเร็น บัฟเฟตต์, เคล็ดลับ Buffett Posted date: March 28, 2011 | Comment
…สวัสดีครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ศึกษาการลงทุนในหุ้นอย่างจริงจัง เพราะต้องการการลงทุนที่ให้ผลตอบแทน
มากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และให้เงินออกมาช่วยคนทำงานซะบ้าง ^^! ซึ่งหลายท่านก็คงจะทราบกันดีว่า
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบันนั้นน้อยเหลือเกิน ไม่เพียงพอที่จะสามารถเอาชนะอัตราเงินเฟ้อได้ …วันนี้ผม
ขอนำเอาสรุปข้อคิดสั้น ๆ ที่ผมไดัรับจากหนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มหนึ่งที่เขียนถึงเคล็ดลับการลงทุนของนักลง
ทุนอันดับหนึ่งของโลกมาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน ซึ่งเขาคนนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้ชายที่ชื่อว่า
Warren Buffet ซึ่งปีนี้ (2011) นิตยสาร Forb ได้จัดให้เขาเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ที่รวยที่สุดในโลก (หลังจาก
ได้ที่ 2 อยู่หลายปี) ผมคิดว่าเขาคนนี้คงเป็นแรงบันดาลใจของใครหลาย ๆ คนที่ต้องการเอาดีด้านการลงทุน (
ซึ่งผมเองก็หนึ่งในนั้น ^^)
…ปล. บทความนี้ท่านไม่ไม่ได้เล่นหุ้นอาจจะงงหน่อยนะครับ …ไว้ขอแก้ตัวบทความหน้าก็แล้วกันครับ
1. เลือกความเรียบง่าย มากกว่าความซับซ้อน
บัฟเฟตต์ แนะนำว่า “เมื่อลงทุน ทำให้เรียบง่าย ชัดเจน อย่าพยายามหาคำตอบที่ซับซ้อน จากคำถามที่ซับซ้อน”
จำไว้ว่าความยากไม่มีในการลงทุน มองหาบริษัทที่มีประวัติยาวนานและสามารถคาดเดาอนาคตของธุรกิจได้
ถ้าคุณไม่เข้าใจธุรกิจ อย่าซื้อหุ้น
2. ตัดสินใจลงทุนด้วยตัวคุณเอง
อย่าเชื่อโบรกเกอร์, นักวิเคราะห์ หรือผู้รู้ จงเชื่อตัวคุณเอง
เมื่อคุณพบที่ปรึกษาทางการลงทุนหรือนักลงทุนมืออาชีพ จงถามว่า “พวกคุณจะได้อะไรจากผม”
ถ้าคำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจคุณก็ควรจะเดินหนีไปซะ
การลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นเทคนิคที่พิสูจณ์แล้วว่า จะสร้างผลตอบแทนที่ดีมากในระยะยาว
3. จงมีสติ
บัฟเฟตต์แนะนำว่า ปล่อยให้คนอื่น ๆ ตื่นตระหนกไปกับตลาดแล้วเมื่อมันสงบคุณจะได้ประโยชน์จากมัน
อย่าคิดจะเป็นเจ้าของหุ้น ถ้ามันจะทำให้คุณตื่นตระหนกและขายหุ้นของคุณเมื่อราคาตกลง 50%
คำแนะนำ 3 ข้อ ตอนตลาดตก
1. เกาะติดอยู่กับบริษัทที่ดี
2. รู้จักตัวเอง
3. อย่าตัดสินใจลงทุนเพราะมีคนอื่นมากระซิบหุ้นเด็ด
4. จงอดทน
บัฟเฟตต์แนะนำให้คิดถึงระยะเวลาเป็น 10 ปี แทนที่จะเป็น 10 นาที ถ้าคุณไม่สามารถจะถือหุ้นได้เป็น
ทศวรรษก็อย่าซื้อหุ้นตั้งแต่แรก
อย่าหมกมุ่นอยุ่กับราคาหุ้น จงศึกษาพื้นฐานของธุรกิจ ความสามารถในการสร้างกำไร อนาคตของบริษัท และ
อื่น ๆ
เวลาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของธุรกิจ
5. ซื้อธุรกิจไม่ใช่แค่ซื้อหุ้น
ถ้าคุณซื้อหุ้นของบริษัทที่ดีแล้ว ปล่อยให้คนอื่น ๆ กังวลเรื่องตลาดหุ้นไปเถิด
ผลประกอบการของธุรกิจคือ กุญแจสำคัญของการเลือกซื้อหุ้น ให้ศึกษาผลการดำเนินงานในอดีตของบริษัท
ที่อยุ่ในรายการหุ้นที่คุณสนใจ
จงมองหาความแน่นอนในตลาดที่ไม่แน่นอน ธุรกิจจะสร้างผลตอบแทนที่ดีได้นระยะยาวเท่านั้น
6. จงมองหาบริษัทที่มีฟรานไชส์
บัฟเฟตต์เรียกธุรกิจบางประเภทว่า “ฟรานไชส์” ซึ่งเปรียบเสมือนธุรกิจที่มีกำแพงและคูเมืองล้อมรอบอยู่ ซึ่ง
สามารถป้องกันศัตรูได้
ธรกิจที่มีฟรานไชส์เศรษฐกิจต้องขายผลิตภัณฑ์หรือบริการที่
1. จำเป็นหรือตอบสนองความต้องการ
2. ไม่ต้องการเงินลงทุนที่มากเกินไป
3. เป็นผู้นำตลาดและไม่มีคู่แข่งที่ใกล้เคียง
4. สามารถขึ้นราคาสินค้าหรือบริการได้อย่างอิสระ
จงค้นหาบริษัทที่มีป้องปราการล้อมรอบ จงมองหาบริษัทที่อยู่เหนือคู่แข่ง
อย่าซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ จากงานวิจัยพบว่าการเข้าออกตลาดบ่อย ๆ จะสร้างผลขาดทุนมหาศาล
ข้อควรปฏิบัติ
มองหาธุรกิจฟรานไชส์ที่จะยืนหยัดผ่านการทดสอบของกาลเวลา
ศึกศาพื้นฐานของบริษัทก่อนที่คุณจะซื้อมัน
อย่ากลัวที่จะตกรถไฟ ถ้าคุณยังไม่แน่ใจในรถไฟขบวนนั้น
7. ซื้อโลเทคไม่ใช่ไฮเทค
ในโลกของบัฟเฟตต์การประสบความสำเร็จในการลงทุนคือการสร้างความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง ซึ่งจะไม่
เกี่ยวกับเรื่องของจรวด, แสงเลเซอร์ หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่มักจะเกี่ยวกับเครื่องของ อิฐ, พรม, สี ลูก
อมและฉนวน
อย่าถูกยั่วยุด้วยการ รวยเร็ว และเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบริษัทที่ซับซ้อน บริษัทเหล่านั้นไม่สามารถที่จะคาดเดา
อนาคตได้
ข้อปฏิบัติ
หลีกเลี่ยงบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงบ่อย
ลงุทนในธุรกิจ “คลื่นลูกเก่า”
บริษัทใช้เวลาเป็นทศวรรษเพื่อที่จะกลายเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่
8. จงหลีกเลี่ยงการลงทุนในแบบที่บัฟเฟตต์เรียกว่า “เรือของโนอาร์” คือซื้อโน่นนิดนี่หน่อย จะดีกว่าถ้าลงทุน
มาก ๆ ในหุ้นน้อยตัว
เมื่อคุณมั่นใจว่าธุรกิจนั้นมีความเข้มแข็ง จงมั่นใจและอย่าลังเลที่จะซื้อหุ้นในจำนวนมาก แทนที่จะซื้อหุ้น 15-20
บริษัทที่พอใช้ได้
9. ฝึกที่จะอยู่นิ่ง
สัญญาณของความสำเร็จในการลงทุนคือ ความสามารถที่จะปล่อยวางให้เวลาผ่านไปโดยไม่ต้องเคลื่อนไหว
อย่าซื้อขายเพราะเห็นแก่กำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ การซื้อขายมาก ๆ เป็นเครื่องหมายการค้าของนักลงทุนที่โลเล ซึ่ง
มักจะจบลงด้วยการขาดทุนมากกว่าจะกำไร
10. อย่ามองตัววิ่ง [ราคาหุ้น]
ราคาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของตัววิ่ง แต่การลงทุนเป็นอะไรที่มากกว่าราคา
ให้เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า หลีกเลี่ยงจากตัววิ่งและละเว้นจากการดูราคาหุ้นทุก ๆ วัน
วอเร็น บัฟเฟตต์ ไม่เคยรู้ว่าบริษัทเบิร์กไซร์ฮาธาเวย์ของเขาว่าซื้อขายกันที่ราคาเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นวานนี้, วันนี้
หรือพรุ่งนี้ แต่เขาสนใจว่าจะซื้อขายกันที่ราคาเท่าใดในทศวรรษหน้า เพราะนั่นคือการวัดศักยภาพและมูลค่าที่
แท้จริงของบริษัท
11. มองตลาดหุ้นขาลง ให้เป็นโอกาส
ตลาดหุ้นขาลงไม่ได้ฆ่าใคร แต่กลับเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นถ้าผู้คนเริ่มวิ่งหนีออกจากหุ้นดี ๆ จงเตรียมพร้อม
ที่จะลุยไปกับหุ้น
จงมองหาบริษัทที่มีคุณภาพที่กำลัง “ลดราคา”สำหรับคุณภาพ นั่นหมายถึง พื้นฐานที่รองรับธุรกิจและคุณภาพ
ของทีมบริหาร
บัฟเฟตต์พูดว่า “นักลงทุนจะไม่ขาดทุนเมื่อตลาดปรับตัวลงจะมีก็เพียงนักเก็งกำไรเท่านั้นที่จาดทุน” ดังนั้นจง
เป็นนักลงุทนแบบวอเร็น บัฟเฟตต์
12. อย่าตีบอลทุกลูกที่ขว้างมา
บัฟเฟตต์ชอบเปรียบเทียบแนวทางการลงทุนของเขากับเรื่องของเบสบอล เขาเปรียบนักลงทุนว่าเหมือนกับผู้
เล่นที่ยืนอยู่บนโฮมเบสที่พร้อมจะตีลูก ตลาดหุ้นก็เหมือนกับผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามที่ขว้างลูกมาให้นักลงทุนตีอยู่
ตลอดเวลา เขาแนะนำว่า “อย่าตีบอลทุกลูกที่ขว้างมา” จงอดทนแล้วปล่อยให้ลูกบอลที่ขว้างผ่านไป ให้รอ
เฉพาะลูกสวย ๆ ตีง่าย ๆ ที่ถูกขว้างมาแล้วค่อยตี
13. อย่าสนใจเรื่องมหาภาค จงสนใจแต่เรื่องจุลภาค
เรื่องใหญ่ ๆ อย่างเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจ เป็นเรื่องภายนอกธุรกิจอย่าไปใส่ใจกับมัน จงสนใจแต่เรื่องเล็ก ๆ ที่
เกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยตรง
14. จับจ้องมองการบริหาร
บัฟเฟตต์ จะมองหาธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่าพร้อมกับผู้บริหารที่ยิ่งใหญ่เสมอ
1. ทีมผู้ยริหารทำงานเพื่อผู้ถือหุ้น หรือทำงานเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเขาเองโดยใช้ทรัพยากรของผู้ถือหุ้น?
2. ผู้บริหารใช้งบประมาณของบริษัทอย่างรอบคอบ หรือเป็นผู้บริหารที่ใช้เงินสิ้นเปลือง?
3. ผู้บริหารทุ่มเทเพื่อเพิ่มมูลค่าของบริษัทให้กับผู้ถือหุ้นและใช้จ่ายเงินลงทุนอย่างเหมาะสมหรือไม่?
4. ผู้บริหารมีโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและหลีกเลี่ยงการออกหุ้นใหม่ที่จะทำให้มูลค่า
ของหุ้นลดลงหรือไม่?
5. ผู้ถือหุ้นถูกปฏิบัติอย่างหุ้นส่วน หรือเป็นเพียงแค่หุ่นไล่กา?
6. รายงานประจำปีของบริษัทเปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้องตรงไปตรงมาหรือว่ามีแต่เรื่องไร้สาระ?
7. ผู้บริหารรายงานข้อมูลทางบัญชีที่ถูกต้อง หรือพยายามปกปิดข้อมูลความเป็นจริง?
ประเมินทีมผู้บริหารก่อนที่คุณจะลงทุน
มองหาบริษัทที่เป็นมิตรกับผู้ถือหุ้น
หลีกเลี่ยงการลงทุนในบริษัทที่มีประวัติเสียงทางการเงินและกลโกงทางบัญชี
15. ราชาแห่งวอลสตรีทนั้นไม่ใส่เสื้อผ้า
บัฟเฟตต์ บอกว่า วอลสตรีทเป็นที่ ๆ เดียวที่คนซึ่งมาด้วยรถ Rolls-Royces ฟังคำแนะนำของคนซึ่งมาด้วย
รถไฟใต้ดิน
อย่าสนใจกราฟ
กุญแจของการลงทุนคือ วินัย และความอดทน
ให้ค้นหาความแตกต่างระหว่าง มูลค่าของธุรกิจกับราคาของหุ้นในตลาด
16. ฝึกที่จะคิดให้เป็นอิสระ
อยู่ให้ห่างจากฝูงชนที่แต่ตื่น ถ้าไม่อย่างนั้น ความอลห่มานจะมาเยือคุณและการลงทุนของคุณ
ทำการบ้านของคุณและตัดสินใจเลือกการลทุนด้วยตัวคุณเอง
17. จงอยู่ในของเขตความรอบรู้ของคุณ
จงสร้างโซนของความชำนาญขึ้นมา แล้วอยู่แต่ในโซนนั้น และอย่าโทษตัวเองถ้าพลาดโอกาสดี ๆ ที่เกิดขึ้น
นอกโซนที่คุณสร้างขึ้น
จดรายชื่อธุรกิจและอุตสาหกรรมที่รุณรู้สึกสบายใจด้วย
อย่าสร้างข้อยกเว้นให้กับขอบเขตความรอบรู้ของคุณ
เล่นเกมของคุณ ไม่ใช่เล่นเกมของคนอื่น
18. อย่าสนใจการพยากรณ์ตลาดหุ้น
การทำนายราคาหุ้น หรือหุ้นกู้ในระยะสั้น ๆ นั้นไร้ประโยชน์ พวกมันบอกเกี่ยวกับผู้ทำนานมากกว่าที่พวกมัน
จะบอกเกี่ยวกับอนาคต
อย่าให้การพยากรณ์มายุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจการลงทุนของคุณ
เอาเวลาที่จะใช้กับการฟังพยากรณ์ตลาดหุ้น ไปใช้กับการวิเคราะห์ประวัติผลการดำเนินงานของบริษัทดีกว่า
พัฒนากลยุทธ์การลงทุนโดยไม่ต้องพึ่งพาภาพรวมการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น
19. รู้จักกับ “นายตลาด” และ “Margin of Safety”
นักลงทุนที่ดีคือ ใครก็ตามที่สามารถรวมเอาการเลือกธุรกิจที่ดีเข้ากับความสามารถที่จะวางเฉยต่อการแกว่ง
ตัวอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นได้
เมื่อเกิดความสับสน จงนึกถึงแนวความคิดของ เบน เกรแฮม ในเรื่อง “นายตลาด” และให้มองหา “Margin of
Safety”
รอจนกว่าเวลาของคุณจะมาถึง คอยจนกว่านายตลาดจะหดหู่และทำให้ราคาของหุ้นลดลงมากพอที่จะสร้าง
โอกาสในการซื้อที่มี Margin of Safety ในปริมาณที่เหมาะสม
20. จงตื่นกลัวเมื่อคนอื่นกำลังโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกำลังตื่นกลัว
คุณสามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำว่าใครจะโลภ, ตื่นกลัว หรือโง่เขลา คุณแค่ไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไรหรือกำลัง
เป็นอะไรอยู่เท่านั้น
ซื้อเมื่อคนอื่นกำลังขายและขายเมื่อคนอื่นกำลังซื้อ
จงเตรียมพร้อมที่จะลงทุนอย่างรวดเร็วเมื่อโอกาสนั้นมาถึง
21. อ่าน, อ่านให้มาก แล้วคิดให้ดี
บัฟเฟตต์ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงต่อวันในการอ่านหนังสือ และใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงในการคุย
โทรศัพท์ ส่วนเวลาที่เหลือหมดไปกับการ “คิด”
อุตสาหกรรมการลงทุนนั้นไม่เหมือนกับอุตสากรรมอื่น ๆ การที่จะลงทุนนั้นต้องสะสมความรู้ และยังมีสิ่งที่
คุณไม่รู้อีกมากมายซึ่งพร้อมที่จะให้คุณค้นพบ
22. ใช้แรงม้าของคุณให้เต็มที่
คนทั่ว ๆ ไปมี “เครื่องยนต์ขนาด 400 แรงม้า” แต่สามารถใช้ได้เพียง 100 แรงม้าเท่านั้น
ใครก็ตามที่สามารถใช้แรงม้าได้เต็มที่จากเครื่องยนต์ขนาดแค่ 200 แรงม้า ก็สามารถทำได้ดีกว่าคนอื่น ๆ มาก
23. อย่าทำพลาด จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่น
ให้ความสำคัญกับการศึกษาความผิดพลาด และเรียนรู้ที่จะไม่ทำมัน
จงระวังคำสัญญาที่พร่ำบอกเกี่ยวกับการรวยเร็วและผลตอบแทนที่สูงลิ่ว ซึ่งมันมักจะมาควบคู่กับความเสี่ยง
ก้อนโตเสมอ
จงกระตือรือร้นที่จะตัดสินใจลงทุนด้วยตัวคุณเองและอย่าสละอำนาจการควบคุมพอร์ตโพลิโอของคุณไปให้
คนอื่น
จับตาดูต้นทุนอยู่เสมอ
“จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่น มันไม่มีเหตุผลที่จะใช้ชีวิตอันแสนเศร้าบนเรื่องราวความผิดพลาดที่คน
อื่นเคยทำมาแล้ว”
24. ก้าวสู่การเป็นนักลงทุนผู้รอบรู้
สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับการลงทุนแบบรอบรู้ก็คือ มันสามารถสร้างความมั่งคั่งให้คุณได้ถ้าคุณไม่รีบร้อนจนเกินไป
และมันจะไม่ทำให้คุณจนลง
จงต่อสู้กับเสียงรบกวนต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะแห่งความเป็นจริง
ฝึกที่จะพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
จดสิ่งต่าง ๆ ที่คุณทำถูก จดสิ่งต่าง ๆ ที่คุณทำผิด จทำวันนี้ให้มากและทำวันหลังให้น้อยลง
การลงทุ่นคือ การหลีกเลี่ยงปัญหาทางธุรกิจให้ได้มากที่สุด และแก้ปัญหาทางธุรกิจให้น้อยที่สุด มันเกี่ยวกับ
การหาและกระโดดข้าม “รั้วที่สูงแค่ 1 ฟุต” ไม่ใช่การพัฒนาความสามารถพิเศษเพื่อที่จะกระโดดข้ามรั้วที่สูง 7
ฟุต
ขอบคุณ: How Buffett Does It ตามรอยวอเร็น บัฟเฟตต์ โดย James Pardoe แปลโดยเอกสิทธิ์ หัสสรังสี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น