บทความนี้ได้รับการสนับสนุนโดย สายงานบริหารกองทุนส่วนบุคคล บมจ. หลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด e-mail address : bls-privatefund@bualuang.co.th ในทฤษฎีพอร์ตการลงทุนสมัยใหม่ หรือ Modern Portfolio Theory (MPT) จะสมมติให้นักลงทุนทุกราย ทำการลงทุนอย่างมีเหตุผล หรือเป็น Rational Investor อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง ยังมีนักลงทุนอีกมาก ที่มีพฤติกรรมในการลงทุนที่เป็นผลเสียต่อการตัดสินใจลงทุน ซึ่งมีรูปแบบดังต่อไปนี้ 1. ผลกระทบจากการเชื่อมั่นตัวเองมากเกินไป (Effect of Over-confidence) นักลงทุนประเภทที่เชื่อมั่นตัวเองมากเกินไป มักคิดว่าข้อมูลหรือข่าวสารที่ตนมี ดีกว่าหรือเหนือกว่า นักลงทุนรายอื่นๆ ในตลาดฯ หรือคิดว่าตนเองสามารถแปร หรือตีความข่าวสาร ได้ดีกว่านักลงทุนรายอื่นๆ รวมถึงการที่เชื่อมั่นมากเกินไป ในความสามารถในการคาดการณ์ หรือพยากรณ์ข้อมูลในอนาคต ปัญหาที่ตามมาสำหรับนักลงทุนประเภทนี้ จะรุนแรงมาก ในสถานการณ์ที่นักลงทุนประเภทนี้ เชื่อว่าตนเองสามารถควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้หมด รวมถึงการจัดการพอร์ตลงทุนของตัวเอง ได้อย่างไม่มีปัญหา พฤติกรรมที่มีความเชื่อมั่นมากเกินไปเช่นนี้ มักจะนำไปสู่การซื้อขายหุ้นที่มากเกินไป (Frequent Trading) เนื่องจากเชื่อว่า ตนเองสามารถคาดการณ์การขึ้นลงของหุ้นได้ จึงพยายามที่จะทำกำไรทุกรอบของการเปลี่ยนแปลง ในแต่ละช่วงของหลักทรัพย์นั้น ๆ ข้อเสียของการซื้อขายมากเกินไป คือ 1. ต้นทุนในการซื้อขาย หรือค่าคอมมิชชั่นจากการซื้อขาย อาจจะมากกว่าการซื้อและถือ ไว้ 2. นำมาซึ่งการตัดสินใจที่ผิดพลาด เช่น อาจจะขายหุ้นบางตัวทิ้งออกไป เนื่องจากราคา ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งที่หุ้นที่ซื้อลงทุน เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี และกำลังจะปรับตัวขึ้น หรือมีการเปลี่ยนตัวที่ไม่ถูกจังหวะ เป็นต้น ความเชื่อมั่นที่มากไปมีผลกระทบต่อการคาดการณ์ของผลตอบแทนและความเสี่ยง นอกจากทำให้ต้นทุนในการซื้อขาย หรือ Trading Cost มากเกินจำเป็นแล้ว นักลงทุนที่เชื่อมั่นในตนเองมากเกินไป มักจะทำการศึกษา หรือวิเคราะห์ข้อมูลอย่างไม่ละเอียดถี่ถ้วน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง และต้องใช้การวิเคราะห์ที่สลับซับซ้อน ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้น คือนักลงทุนประเภทนี้ จะประเมินความเสี่ยงของการลงทุนต่ำเกินไป รวมทั้งคาดการณ์ผลตอบแทนที่สูงเกินจริงด้วย ผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนประเภทนี้ มักจะมีลักษณะ 2 ประเภท ดังต่อไปนี้ 1. พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงมากเกินไป (Overly Risky Portfolio) 2. พอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงต่ำเกินไป ( Poorly Diversified Portfolio) 2. ผลกระทบจากความเสียใจและความภูมิใจ (Effect from Regret and Pride) ความกลัวที่จะเสียใจ (Fear of Regret) หมายถึง ความรู้สึกหวาดกลัวจากการตัดสินใจลงทุนผิดพลาดในอดีต ในขณะที่การแสวงหาความภูมิใจ (Seeking of Pride) จะหมายถึง ความรู้สึกสนุก ที่ได้ทำการตัดสินใจลงทุนที่ชาญฉลาด ซึ่งรูปแบบพฤติกรรมการลงทุนทั้ง 2 นำมาสู่การลงทุนที่ไม่มีประสิทธิภาพ โดยมีตัวอย่างดังต่อไปนี้ 1. ความกลัวที่จะเสียใจ: ในบางครั้ง นักลงทุนอาจทำการถือครองหุ้นที่ราคาตกลงมา นานมากเกินไป ด้วยความหวังที่ว่า ราคาจะกลับมาในจุดที่ตัวเองเคยซื้อไว้ ซึ่งในทางกรณีที่นักลงทุนยอมรับว่า การลงทุนนั้นๆ เป็นความผิดพลาด และทำการขายตัดขาดทุนออกไป อาจลดการขาดทุนลงได้ 2. ความภูมิใจที่ได้ลงทุน: นักลงทุนประเภทนี้ มักเข้าซื้อหุ้นได้ถูกเวลา แต่มักจะทำการ ขายออกไปเร็วเกินไป ทำให้กำไรที่เกิดขึ้นมีไม่มากนัก โดยสรุป พฤติกรรมการลงทุนที่มีพื้นฐานมาจากความกลัว มักทำให้ขาดทุนมากเกินไป ในขณะที่ความภูมิใจ จะทำให้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่ควรจะเป็น (Selling Winners Too Early and Holding on to Losers Too Long)
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น