วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วันอังคารที่ 29/5/2555



เทคนิคพี่เปี๊ยก
Nattawat Onratn 29/5/55

วันนี้ มีคำถาม ที่น่าสนใจมาก เขาบอกผมว่า เขาเล่นหุ้นแล้วขาดทุนมาตลอด เจ็บมาก เลยหมดความเชื่อมั่น ผลขาดทุนบั่นทอนจิตใจ จนไม่เหลือเหลือความมุ่งมั่นที่จะศึกษาเรื่องหุ้นต่อ พี่เขาถามถามผมว่า ในกรณีเราหมดความเชื่อมั่นในตัวเองแล้ว มีวิธีใดจะกลายเป็นผู้ชนะได้บ้างไหม

ผมบอกเขาว่า ผมจะตอบให้เขาทราบ คืนนี้

ในชีวิต ที่อยู่ในตลาดหุ้นมากว่า 20 ปี ผมมีประสบการณ์ตรง หลายครั้ง

ลูกค้า ที่เป็นแบบนี้ มักจะเชื่อมั่นตัวเองสูงมาก ไม่เข้าใจว่า ทำไม ไม่เป็นไปตามที่ตัวเองคิด พอลองเชื่อคนอื่นดู ก็ผิดอีกบางคนไม่ยอมแพ้ ทุ่มลงมา จนหมดตัว

ถ้าผมให้เริ่มต้น แบบนี้ละคับ

ไม่มีเหตุผล ในตลาดหุ้น ไม่มีวิธีเล่นใดที่เอาชนะตลาดได้ทุกครั้ง ไม่มีใครเก่งกว่าใคร ไม่มีใครช่วยเราได้ ทุกอย่างจากนี้ไปเราต้องช่วยตัวเอง เราไม่เชื่อใคร เราจะเชื่อตัวเอง หุ้นขึ้น เพราะมีคนซื้อ หุ้นลงเพราะมีคนขาย หุ้นมีขึ้นก็ต้องมีลง เลือกหุ้นที่เราชอบ 3 ตัว ให้เอาเงินที่ไม่ได้ใช้มาเล่น มากน้อย ไม่เป็นไร ถ้าเป็นผม ผมจะเลือก CPALL KBANK PTTGC แล้วผมจะคอยนั่งดู และคอยหาข้อมูล ที่เกี่ยวกับหุ้นตัวนี้

ผมจะเลือกเล่น ตอนราคาลงมาแรงๆ แล้วซื้อ จากนั้นผมจะอดทนถือไว้ จนกำไร ก็จะขาย เพื่อให้ได้กำไร จากนั้นผมจะรอต่อไป เมื่อใดราคาลง ผมจะซื้อใหม่ ผมจะไม่ยอมขาดทุน ซื้อได้แล้ว ผมจะตั้งขายไว้ แล้วผมก็ไปทำอะไรก็ได้ ที่ผมอยากทำ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะไปหาอ้อมกอด ที่อบอุ่นที่สุด ทุกครั้งที่ผมกำไร

ผมจะเลือกคุย เลือกฟัง เลือกอ่าน เฉพาะ ข้อความที่ผมคิดว่า เป็นประโยชน์และบอกในสิ่งที่ผมไม่รู้ หรือ มีมุมมองที่ต่างจากผม แล้วผมจะเลือก ตัดสินใจเอง ว่าผมจะเชื่อ หรือไม่

ผมจะค่อย บันทึกความผิดพลาด ของผมลงในสมุด ทุกครั้งก่อนการตัดสินใจ ผมจะหยิบ ขึ้นมาอ่าน

ถ้าผมทำทุกอย่างที่ผม คิดว่า ได้ทำหมดแล้ว แล้วยังไม่ประสบความสำเร็จอีก ผมจะไปทำอย่างอื่น ชีวิตผม ผมลิขิตเอง

ในกรณีเราหมดความเชื่อมั่นในตัวเองแล้ว มีวิธีใดจะกลายเป็นผู้ชนะได้บ้าง ตอบว่า ต้องทำความเชื่อมั่นให้กลับมาใหม่ โดยการเป็นผู้ชนะ ทุกครั้งที่เล่น ความมั่นใจก็จะกลับมา ทำอย่างไร ผมบอกไปแล้ว และ หาคนสักคนที่เรา รักมากๆ อยู่ใกล้ๆ เขา ไม่ต้องเล่า ว่าเราเจออะไรมาบ้าง แค่อยู่ใกล้ๆ ก็พอ

คนเล่นหุ้น ส่วนใหญ่ ซื้อแล้ว ต้องขึ้น ไม่มั่นใจในข้อมูลที่มี เห็นราคาลงเยอะก็แกว่ง เป็นสาเหตุของการทนไม่ไหว ตัดขายขาดทุน ลองนิ่งๆ ดู ไม่สนใจ การเคลื่อนไหว อดทนจนถึงเวลาของเรา

ใครมี ความเห็นที่น่าสนใจ ก็แชร์ประสบการณ์ แบ่งบัน ผู้มาทีหลัง จะได้ไม่พลาด

Mark Piathanom นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็ทำหน้าที่ของเขาได้ดีนะครับ มีส่วนน้อยแหละที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่เราก็ต้องเลือกคนที่เหมาะกับสไตล์ของเราเสียมากกว่า

Nattawat Onratn ผมไม่รู้คับ ว่า เข้าตลาดมานานหรือยัง รู้แต่ชื่อ ว่า ชื่อ นะคะมวย

Dearlek Tokyo มีหมายจับอยู่นิครับ

Airwinwin Air-win จากใจจริง ผมเคารพความรู้และประสบการณ์ของพี่เปี๊ยกมาก คำแนะนำที่พี่บอกว่า “เป็นนักเก็งกำไร นั่งนิ่งๆจะเห็นแนวรับ “ผมว่าใครลองไปคิดตามดู ว่าต้องทำยังไง จะมีประโยชน์มากนะครับ เมื่อก่อนเข้าห้อง ลบแค่0.2% ผมก็ คัทลอสแล้ว สุดท้ายหุ้นขึ้นกระจายแต่ก็ไม่กล้าตามแล้ว เดี๋ยวนี้ติด tipco ลบไป30% cpall ซื้อ 39.25 ลงไป34 ก็เฉยๆ เพราะรู้ว่ามีอีกวิธีนึงที่พี่เปี๊ยกเคยสอน " ใช้เวลาครับ”

Mark Piathanom ผมใช้วิธีเลือกหุ้นพื้นฐานดี มีปันผลพอๆกับดอกเบี้ยเงินฝาก แล้วก็กระจายหุ้นตามอุตสาหกรรมเพื่อลดความเสี่ยง ถ้าเข้าผิดรอบก็รอไปเรื่อยๆ ปกติมักจะติดหุ้นไม่เกินหกเดือนหรอก

ที่สำคัญต้อง ไม่cut loss และอย่าโลภ follow buy เมื่อรู้ว่าผิดรอบหรือเข้าไม่ทัน

สมศรี ปึงวัชระสมิทธิ์ พี่เปี๊ยกมีbanpu ราคา620 ขายทิ้งเเล้วเปลี่ยนมาซื้อkbank ดีไหมค่ะ

Jady Jade ในส่วนตัว คงได้แต่ “ให้กำลังใจ" นะคะ ...อาจจะมีคนที่แย่กว่าคุณก็ได้แต่เค้าไม่ได้บอกให้คนอื่นรู้... อย่างน้อย คุณก็ โชคดี ชั้นที่1 แล้วนะคะ ที่ได้เจอพี่เปีียก น่ะค่ะ ^^ สู้ สู้ ค่ะ

Angie Rx อ่านวิธีชนะตลาดหุ้นของ พี่เปี๊ยก. ซึ้ง.อะ /ตนเป็นที่พึ่ง ใจเป็นที่พัก. รักเป็นเป้าหมาย. ไม่ตาย เราคงรวย

Jiab Yuttapong Si แชร์บทเรียนที่ติดดอยนะครับ 1. Follow ในวันที่ข่าวออก ตอนนี้เลิกเล่นหุ้นจากข่าวแล้ว 2. รีบถัวเร็วเกินไป ตอนนี้ดีขึ้น แต่ยังไม่ดีพอ ยังมีอาการกลัวตกรถเลยติดดอย 3. เล่นเก็งกำไรไม่เป็น ไม่กล้าคัด ตอนนี้สัญญากับตัวว่าเลิกแล้วการเก็งกำไร พยายามห้ามความโลภของตนเองอยู่

Nattawat Onratn

"บุญกิริยาวัตถุ" มีอยู่ ๑๐ ประการ คือ

๑. "ทานมัย" ได้แก่ การทำบุญด้วยการให้เงิน ท่านจะขาย ADVANC ได้ที่ราคา 190

๒. "สีลมัย" ได้แก่ การทำบุญด้วยการรักษาศีล ท่านจะขาย BBL KABNK SCB ได้ที่ราคา 186 156 146

๓. "ภาวนามัย" ได้แก่ การทำบุญด้วยการปฏิบัติธรรม ท่านจะขาย BANPU ได้ที่ราคา 500

๔. "อปจายนมัย" ได้แก่ การประพฤติอ่อนน้อม ท่านจะขาย PTT ได้ที่ราคา 326

๕. "เวยยาวัจจมัย" ได้แก่ การช่วยเหลือ ท่านจะขาย PTTGC TOP ได้ที่ราคา 62 กับ 60

๖. "ปัตติทานมัย" ได้แก่ การเฉลี่ยความดีให้แก่ผู้อื่น ท่านจะขาย PTTEP ได้ที่ราคา 165

๗. "ปัตตานุโมทนามัย" ได้แก่ การแสดงความยินดีเมื่อได้ทราบว่า ผู้อื่นกระทำความดี ท่านจะขาย SCC ได้ที่ราคา 346

๘. "ธัมมัสสวนมัย" ได้แก่ การฟังธรรม ท่านจะขาย CPF CPALL ได้ที่ราคา 40 และ 38

๙. "ธัมมเทสนามัย" ได้แก่ การสั่งสอนธรรม ท่านจะขาย IVL ได้ที่ราคา 31

๑๐. "ทิฏฐุขุกัมม์" ได้แก่ การทำความเห็นให้ตรง ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ท่านจะขาย KTB ได้ที่ราคา 16

ถ้าขายไม่ได้ แปลว่า ท่านทำบุญ ยังไม่พอ.....เจริญพร

ราคาที่ให้ น่าจะเห็นได้ ก่อนปัญหาที่แมงเม่าสำราญจะได้เจอ เลดี้ กาก้า กับ เบิร์ด ธงชัย คับ

อาตมา นึกไม่ออกว่าอยู่วัดไหน ขอไปท่องชื่อวัดหน่อยนะ จะได้ จำวัด ได้

ภูริตา วงษ์สกุล พี่ๆคะset ไปไหวไหมคะพรุ่งนี้

Nattawat Onratn ‎1170-1180

ถ้าฝรั่งเข้า อาจจะยกข้าม ถ้าเป็นกองทุน จะค่อยๆ ทดสอบ

Nong Janphen แล้วถ้าตกรถ ควรทำอย่างไร รอหรือว่าลุย

Nattawat Onratn ตอนนี้ เกือบสี่ทุ่มแล้ว ไม่มีรถออกแล้ว ต้องพรุ่งนี้แล้วละ

มัวไปทำอะไรอยู่ ถึงได้ตกรถ เมื่อวานก็นัดกันแล้วนี่นา

วันพุทธที่ 30/5/55





วันพฤหัสที่ 31/5/55

ครึ่่งเช้าต่างชาติขาย - 500 ล้านบาท 
Fund Flows: (14.30) FI -412(7 Brks)
 LI -667(5AM) (Excl AAV)
Buying; PTT,SCC,TOP,PTTEP,JAS
Selling; KBANK,PTTGC,HMPRO,BAY,CPALL,MAKRO





มาดูหุ้น Short ของเมื่่ออวาน 30/5/55
ปริมาณชอร์ตจากปริมาณการซื้อขายบนกระดานหลัก

อันดับ 1. PSL 19.69%  23,100 หุ้น
อันดับ 2. CPALL 19.3% 2,261,100 หุ้น
อันดับ 3. SCB 15.67% 501,100 หุ้น
อันดับ 4. JAS  12.70% 16,915,000 หุ้น
อันดับ 5. TDEX 10.5% 54,500 หุ้น 

วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วันจันทร์ที่ 28/5/55

@PondPondka Fund Flows Tracking: (11.50) FI -1, 051 (7 Brks) LI +365 (5AM) Flows; Sell: KBANK, PTT, TOP
Buy: BGH, BAY, CPF, INTUCH


Commodities 

สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบปรับลงต่อเนื่อง W-W (เป็นลบต่อ PTTEP และโรงกลั่น) จากค่าเงินดอลลาร์แข็ง

ค่าการกลั่นปรับลงเล็กน้อย W-W (เป็นลบต่อ TOP, ESSO, BCP, PTTGC และ IRPC )

ราคานาฟทา (วัตถุดิบปิโตรเคมี) ปรับลงต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบ W-W แต่ปรับลงน้อยกว่าราคาสินค้าปิโตรเคมีทำให้ Margin ปิโตเคมีแคบลง (เป็นลบต่อโรงงานปิโตรเคมี)

ราคาปิโตรเคมีต้นน้ำสายโอเลฟินส์ปรับลงแรงต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน W-W (เป็นลบต่อ PTTGC IRPC และ SCC)

ราคาอะโรเมติกส์ PX ปรับลงต่อเนื่อง W-W (เป็นลบต่อ PTTGC, TOP, ESSO)

 ราคาเม็ดพลาสติก HDPE ปรับลงต่อเนื่อง W-W (เป็นลบต่อ PTTGC, SCC) และ PP ปรับลง (เป็นลบต่อ IRPC, SCC)

ราคาเม็ดพลาสติก PVC ปรับลงต่อเนื่อง (เป็นลบต่อ VNT และ TPC)

MEG ปรับลงต่อเนื่อง W-W (เป็นลบต่อ PTTGC)

ราคา PTA ปรับลงแรงและต่อเนื่อง W-W (เป็นลบต่อ IVL)

 ราคาสังกะสีปรับลงต่อเนื่อง W-W (เป็นลบต่อ PDI)

 ถ่านหินปรับลงต่อเนื่อง (เป็นลบต่อ BANPU, LANNA, AGE และ EARTH)

ภาพรวมราคาสินค้าเกษตรลดลง ได้แก่ ราคาหมู -3% W-W, ราคาน้ำตาล -4%ต่ำกว่าระดับ 20 เซนต์ต่อปอนด์ เป็นครั้งแรกในรอบ 21 เดือน

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วันพุทธที่ 23/5/55




กับดักรายย่อย....รายย่อยควรรู้เรื่องของกับดักรายย่อย ไม่ใช่แค่คำบอกเล่าจาก นักวิเคราะห์แนวรับ แนวต้าน (ซึ่งก็เป็นกับดักแบบหนึ่ง)หรือ เรื่องข้อมูลข่าวสารจากห้องค้า ล้วนมีส่วนเป็นกับดักให้รายย่อยเสียรู้ และถูกจูงให้เป็นไปตามทิศทาง แต่รายย่อยต้องหรือควรเรียนรู้ กฎธรรมชาติของรายใหญ่ กลยุทธไล่ซื้อ แล้วมีต้นทุนแค่ไหน เวลาขายจะขายถึงประมาณเท่าใด จึงนับว่ารีดแห้ง ไม่มีของขาย และอื่น ๆ

หุ้นที่อาจโดนบังคับขาย : 23/5/55
jas thcom htc yuasa malee cpall top pttgc true
หุ้นที่ใช้มาจิ้นซื้อมากที่สุด :
jas กับ siri

ใครมี ระวังใว้เหอะ คนที่ถือแบบมาจิ้น ถ้าหุ้นลง25% จะโดนบังคับขายครับ

คำศัพท์ สำหรับสถานะการ์ณตลาดช่วงนี้
  •  SBL ย่อมาจาก Securities Bollowing and Lending ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการทำ Short Sell ให้กับผู้ให้ยืม และผู้ที่ขอยืมหลักทรัพย์ ซึ่งเครื่องมือนี้ ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ขจัดความเสี่ยงอย่างหนึ่ง
  • แนวคิด ผู้ขอยืมคาดการณ์ว่าหลักทรัพย์ตัวนั้น มีแนวโน้มราคาปรับตัวลง ดังนั้นจึงขอยืมหลักทรัพย์มาขาย ณ ราคาตลาดปัจจุบัน และต้องซื้อคืนเพื่อส่งมอบให้แก่เจ้าของตามกำหนด
  • ประโยชน์ที่จะได้รับ 
  1. ผู้ขอยืม - มีโอกาสในการทำกำไรจากส่วนต่างของราคา หากการคาดการณ์เป็นจริง
  2. ผู้ให้ยืม - ได้เงินสดมาหมุนเวียน, สิทธิในการรับปันผล หรือประโยชน์ต่างๆ ยังมีเหมือนถือหลักทรัพย์อยู่, แทบจะไม่มีความเสี่ยงเลย
  3. โบรกเกอร์ - ได้ค่าธรรมเนียม
ปัจจุบันมีโบรกเกอร์เพียงไม่กี่บริษัทที่ให้บริการ และปัจจุบันรายย่อยสามารถทำ Short Sell ได้แล้ว หมายเหตุ อย่าสับสนระหว่าง Short Sell กับ Short Againt Port เพราะไม่เหมือนกัน
  •  Short Againt Port เป็นหลักทรัพย์ที่เราเป็นเจ้าของเอง เพียงแต่ขายออกไปก่อน แล้วไปซื้อคืนกลับมาทีหลัง

ตลาดหุ้นไทย Overreaction กลัวเกินเหตุหรือพิษสงของ SBL ในรอบ10วันทำการที่ผ่านมาขณะที่หุ้นไทยติดลบไป 7.81% ประเทศที่น่าจะมีปัญหามากกว่าเราหากกรีซจบคือ เยอรมัน,ฝรั่งเศส ตลาดหุ้นเขากลับติดลบน้อยกว่าเราคือ 1.92 และ 2.46 % ตามลำดับ .....จ้าวไทยดุนะครับ (Source:Stockcharts.com)
ตลาดหุ้นโลกรอบ1เดือน ศูนย์กลางของปัญหา เยอรมัน,ฝรั่งเศส กลับลบน้อยตอนนี้น่าจะเป็นเพราะเขารู้ว่าเขาเป็นจ้าวมือ จะชี้ทางให้ตลาดการเงินของโลกไปทางไหนก็ได้ เขาเป็นผู้กำหนด http://screensnapr.com/e/trNuYN.png





แนวคิดของ คิม พ่อลิงน้อย
 ในการซื้อหุ้น หลาย ๆ คนชอบซื้อหุ้นราคาำต่ำ แต่เพราะหุ้นที่ราคาต่ำแล้วก็อาจมีราคาต่ำกว่าให้เห็นได้ ไม่ได้มีอะไรเป็นเครื่องมือยืนยันเลยว่าราคาที่ต่ำแล้วจะไม่มี "ต่ำกว่า" ที่สำคัญราคาต่ำไม่ได้แปลว่าจะปรับตัวขึ้นไปได้ มันเป็นคนล่ะเรื่อง เพราะราคาหุ้นในขณะใด ๆ ก็คือราคาที่เหมาะสมของมันในขณะนั้น 
ตัวอย่างปัจจุบันก็ BANPU ที่ราคาทำนิวโลว์ทุกวัน คนที่เข้าไปซื้อคิดว่าถูกมากแล้ว แต่ผ่านไปวันเดียวก็ลงต่อ ตอนราคา 550 เข้าใจว่าถูกเหลือเกินจึงรีบซื้อ เพราะลงมาจาก 7-800 บาท ขนาดผู้บริหารยังซื้อเลย ตอนนี้คงไม่ต้องบรรยาย การพายเรือทวนน้ำหรือเล่นหุ้นสวนกระแส รู้อยู่ว่ามันเป็นขาลง คนเลิกเล่นกันแล้ว แต่ก็เข้าไปซื้อ เพียงแค่คำว่า "ถูก" ซึ่งคนส่วนใหญ่เข้าใจผิด คำว่า "ถูก" กับคำว่า "มีโอกาศในการปรับขึ้น" ว่าเป็นอย่างเดียวกัน แต่จริง ๆ ไม่ใช่เลย ดังนั้นการซื้อหุ้น ให้ซื้อเมื่อคิดว่ามันมีโอกาศจะปรับราคาสูงขึ้นเท่านั้น นั่นคือให้ยึดกฎว่า "หุ้นที่ซื้อต้องขึ้น" ตามกฎ
1) สะสมหุ้นในจังหวะสะสม หยุดทำจุดต่ำสุดใหม่แล้ว หรือที่ผมบอกประจำ ๆ ในกราฟว่า Bottom Out
2) เลือกกลุ่มที่นิยม หรือหุ้นนำตลาด
3) เลือกหุ้นเด่นในกลุ่ม มีพื้นฐานประกอบ
4) ซื้อตามกระแสขาขึ้น คือพายเรือตามน้ำ
5) ใช้กราฟเทคนิคบอกจังหวะในการซื้อ
นอกจากนั้นคือ อย่าหวังกำไรน้อย, ให้เล่นรอบใหญ่ ขายเมื่อมีสัญญาณ และขาลงอย่าพัวพัน ไปผิดทางต้องตัดขาดทุนให้เร็ว อย่าปล่อยให้เรื้อรัง (อันนี้โดนเจ้าของ Blog IRPC Roud down pattern )

แนะนำ: ในแนวโน้มขาลงเช่นนี้ เมื่อได้ทำการลดพอร์ท ควรนำเวลาว่างมาใช้ประโยชน์โดยการสกรีนหุ้นและวา่งแผนในรอบหน้า ว่าควรทำอย่างไร เมื่อมีเวลาเหลือ หมั่นศึกษาจากหนังสือในแนวที่ตนเองชอบ ใครชอบเทคนิคก็อ่านเทคนิคแล้วลองฝึกฝน ใครชอบพื้นฐานก็มองหาหุ้นดี ๆ รอเวลาถูก ๆ ใครชอบ VI ก็มองหาหุ้นแนว VI ที่ราคาลงมาต่ำกว่าพื้นฐาน ส่วนคนที่ชำนาญบ้างแล้วควรหาหนังสือเกี่ยวกับกลยุทธมาเพิ่มเติมความรู้ เมื่อถึงเวลาที่ควรเข้าซื้อหรือเพิ่มพอร์ท ก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลาสกรีนหุ้นใหม่ วางแผนใหม่ จะได้มีเวลาติดตามเรื่องราคาที่เหมาะสมต่อไป 

ทำไมวินัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการลงทุนในการเก็งกำไร หากถึงจุดที่พอใจและต้องขาย ท่านก็ต้องขาย แม้มันจะดูน่าซื้อมากกว่าน่าขาย หรือในเวลาที่ขาดทุน หากท่านตั้งเป้าว่าจะตัดขาดทุนที่เท่าไร เมื่อถึงจุดนั้นก็ต้องทำทันที ไม่ลังเล หรือลองมาดู ตัวอย่างวินัยที่สำคัญเช่น
1. เมื่อหุ้นจบขาขึ้นและกำลังเป็นขาลง หากท่านขายหุ้นหมด แล้วเลิกเล่นหุ้นสักระยะ ทำได้หรือเปล่า
2. เมื่อมีหุ้นเก็งกำไรวิ่งกันทั่วจอ ยั่วยวนให้เข้าไปซื้อ หากท่านต้องดูอย่างเดียวไม่เข้าไปซื้อ เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าหุ้นพวกนี้ไม่เหมาะสมกับเรา ทำได้หรือเปล่า
3. เมื่อซื้อหุ้นและเริ่มมีกำไร หากท่านไม่ขายแต่รอแบบติดตาม ให้กำไรมันเพิ่มขึ้นจนกว่าจะหมดรอบ ทำได้หรือเปล่า
4. เมื่อซื้อหุ้นที่คิดว่ามันจะขึ้นกลับลง หากท่านต้องขายตัดขาดทุนออกมา ทำได้หรือเปล่า
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นวินัยการลงทุนในสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งคนที่มีวินัยและทำได้อย่างเคร่งครัดจะมีกำไรในตลาดหุ้นได้ แต่หากท่านทำไม่ได้เพราะมันฝืนจิตใจจนสมองไม่สามารถสั่งการให้ทำงานได้ ก็ควรไปเอาดีด้านการเล่นหุ้นสไตล์ VI หลักการเล่นหุ้นที่ดีต้องเอาอารมณ์และจิตใจออกไปให้มากที่สุด มีการวางแผนการเล่น จุดขายกำไร จุดตัดขาดทุน เล่นตามแผนจะช่วยเรื่องวินัยได้ดีั หากทำไม่ได้ก็ไม่ควรเฝ้าจอ
นอกจากวินัยก็อาจมีนิสัยด้านอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น การขี้ตกใจ, ขี้กลัว, โลภมาก, เชื่อคนง่าย, ขี้กังวล ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการรักษาวินัยการเทรด 

การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินกินดอกเบี้ยซึ่งปลอดภัยกว่า เราจึงต้องกำหนดกฎเกณฑ์หรือกลยุทธง่าย ๆ ที่จะทำให้เราสามารถทำกำไรและลดความเสี่ยงไปได้พร้อม ๆ กัน ดังนี้
1) เราต้องรู้ว่าเรากำลังทำอะไร ยอมรับความเสี่ยงได้ระดับไหน เท่าไร และหากผิดแผนเราจะทำอย่างไร
2) ควรกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ไม่ถือหุ้นน้อยเกินไปหรือมากเกินไป 5-10 ตัวกำลังพอดี น้อยไปแค่ 1-2 ตัวหากผิดพลาดก็จะเกิดผลร้ายแรง มากเกินไปเราก็ไม่สามารถเข้าใจหรือติดตามมันได้ดีพอ
3) พยายามมองไกล ๆ วิเคราะห์ว่าวันข้างหน้าราคาจะเป็นอย่างไร และวางแผนการลงทุนเสมอ หากเรามั่นใจว่าไม่เสี่ยงก็ถือต่อได้ แต่ในระยะสั้น หุ้นมักผันผวน คาดการณ์ยาก ดังนั้นการเล่นสั้นจึงมีความเสี่ยงสูง
4) เลือกบริษัทที่มีผลงานดี สม่ำเสมอ เพราะคาดการณ์ได้ง่าย บริษัทที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายดูยากมาก หากข่าวร้ายมากระทบโดยที่เราไม่ได้ระวังก็จะเกิดความผิดพลาดตามมา
5) เลือกบริษัทที่มีหนี้น้อยหรือไม่มีเลย เพราะโอกาศขยายงานทำได้ง่าย ในขณะที่บริษัทที่หนี้เยอะต้องนำเงินไปชำระหนี้และดอกเบี้ย โอกาศล้มก็มีได้สูง
6) เลือกบริษัทที่ปันผลสม่ำเสมอ อย่างน้อยหากผิดแผนเอาแต่ Sideway ไม่ยอมขึ้น อย่างน้อยก็ได้กินดอกเบี้ยที่ดีกว่าธนาคาร แล้วรอวันที่เขาจะแสดงอภินิหาร เราก็กำไร
7) ติดตามผลการดำเนินการของบริษัทสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะด้านกำไร, ความโปร่งใสของผู้บริหาร, คู่แข่ง
8) หมั่นติดตามข่าวเศรษฐกิจ การเงิน ภาวะตลาดหุ้น หากเกิดข่าวร้ายระดับมหภาค มักจะกระทบกันทั่วโลกและเกิดการซึมลง ส่วนข่าวร้ายระดับภูมิภาคแบบประเดี๋ยวประด๋าว ก็จะเกิดการเทขายในระยะเวลาสั้น ๆ
9) ใช้เงินเย็นในการลงทุน หลีกเลี่ยงการกู้เงินหรือการใช้มาร์จิ้น เพราะหากเกิดปัญหา เราจะแก้ไขไม่ได้ สุดท้ายก็จะล้ม






นักวิเคราห์มองว่าหุ้นวันนี้ลงไม่มากแล้ว แต่วันนี้ 23/5/55 หุ้น SET ปิด 1110.70  
ไม่มีใครใกล้เคียงเลย ^__^ 










วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วันจันทร์ที่ 20/5/55




AdvandGet


หวัดดีค่ะ พี่เปี๊ยก ตอนนี้อยู่เฉย ๆ ก่อนดีมะค๊ะ ไม่ค่อยกล้าเข้า ตอบว่า ถ้าเป็นนักเก็งกำไรต้องอยู่เฉยๆ ในพอร์ตที่ขาดทุนอยู่ตอนนี้ อาจจะเกิดจากการขายไม่ทัน ถ้าเป็นหุ้นเกรด A เกรด B ก็ไม่ต้องกังวล แค่หาจุดซื้อเฉลี่ยหรือถือไว้ แล้วปรับพอร์ตเป็นการเล่นรอบไปแทน ส่วนถ้าเป็นหุ้นเกรด C หรือ D รอจังหวะตลาดหรือตัวหุ้นตัวนั้น Rebound แล้วขายออกไป


ตอนนี้เหมือนเม่าทั่ว ๆ ไปที่ตอนลงน้อย ๆ ไม่ยอมcut ตอนนี้มีลุ้นว่าจะมีหุ้นตัวไหนพอจะcutได้มั่ง เพราะตังหมด ขาดทุนทุกตัวเลย ฮือ....ตอบว่า อย่าร้องไห้ ร้องไปก็ไม่มีประโยชน์ หาทางแก้ไข ครั้งต่อไปดีกว่า เราต้องรู้ตัวเราว่า เราเล่นเก็งกำไร การเล่นเก็งกำไรมีความเสี่ยงยังไงต้องรู้ ความเสี่ยงของมันอยู่ที่ไม้สุดท้าย

ทำไมพวกvi ถึงซื้อของได้ถูกและถือได้นานจัง ตอบว่า เพราะ เขามีวิธีเล่น วิธีหาข้อมูล วิธีคิดคนละแบบกับเรา เขาก็มีโอกาสขาดทุน ไม่ใช่กำไรอย่างเดียว

ที่ผ่านมาตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา พี่พาแมงเม่าสำราญเข้าสู้ศึก รอบของการเก็งกำไรที่สมบูรณ์แบบ การรบแบบหัวหมู่ทลวงฟัน การรบแบบนี้ย่อมมีบาดเจ็บ แต่ขอว่าอย่าให้ตาย จากนี้ไปเราจะทัวร์การเล่นรอบ ดัชนีที่ตั้งไว้ เพื่อ ขายสำกรับเล่นรอบ คือ 1300
เราจะแบ่งไม้ เป็น 5 ไม้ ไม้ละ 20% วันนี้ เราเข้าหุ้นใหญ่ ไปแล้ว เดี๋ยวเราตามกันไปเรื่อยๆ ว่าจะเป็นอย่างไร เงื่อนไขสำคัญ ของไม้แรก คือ ต้องหาให้เจอว่า จุดต่ำสุดของรอบนี้ อยู่ที่ไหน ถ้า2-3 วัน ข้างหน้า ได้กำไร ไม้นี้ต้องขาย แล้วรอจนแน่ใจว่า ไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ ค่อยกลับมาซื้อ สัญญาณ การซื้อถัวเฉลี่ย ต้องมั่นใจว่าราคาผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ค่อยซื้อถัว ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณ
SIRI นี่ถือเป็นหุ้นกลุ่มไหนอ่ะครับ C หรือ D ตอบว่า เป็นชุด D คับ กำลังมีข้อมูลอาจจะเป็นชุด C คับ อยู่ที่ผลประกอบการ
พี่เปี๊ยกค่ะ ถ้าเราตั้งใจจะซื้อหุ้นแบ่งเป็น 5ไม้ เข้าไม้แรก มันลง แล้วก็เข้าซื้อไม้สอง ก็ลงอีก พออีกวัน หุ้นเด้ง จนไม้สองได้กำไร แบบนี้ ควรขายไม้สองไปก่อนมั้ยค่ะ ตอบว่า ต้องขายก่อน เพราะตราบใดที่ไม่เห็นจุดกลับตัว ยังต้องถือเงินไว้ให้เยอะที่สุด เราจะเห็นจุดต่ำสุดเมื่อมันเกิดไปแล้ว

ตอนแรกผมก็งง ว่า THAI หลุด 25 ได้ยังไง ตอนนี้ เข้าใจแล้ว ราคารับข่าวไปแล้ว ราคาปิดวันนี้ น่าจะเริ่มสะสมได้ สำหรับคนที่ รัก THAI (ดร.ปิยะสวัสดิ์ โดนปลด)

ตลาดยางกับครูไก่ CDC


Daily Chart
(เพื่อการศึกษา โปรดใช้วิจารณญาณในการดูค่ะ)

(เพื่อการศึกษา โปรดใช้วิจารณญาณในการดูค่ะ)
Daily Chart
Elliott Wave มองว่าการย่อ wave 2 น่าจะจบแล้ว ที่แนวรับ Fibonacci Retracement 88.6%
ระบบ CDC PnT 1.1 มีสัญญาณซื้อครั้งแรก เมื่อราคาสูงกว่า 273.6
Stop loss = 269.9
ข้อควรระวัง
ถ้าราคาต่ำกว่า low เดิม คือ 252.7 ก็จะต้องพิจารณาการนับ Elliott Wave ใหม่


(เพื่อการศึกษา โปรดใช้วิจารณญาณในการดูค่ะ)
Daily Chart
Elliott Wave มองว่าการย่อ wave 2 น่าจะจบแล้ว ที่แนวรับ Fibonacci Retracement 88.6%
ระบบ CDC PnT 1.1 มีสัญญาณซื้อครั้งแรก เมื่อราคาสูงกว่า 273.6
Stop loss = 269.9
ข้อควรระวัง
ถ้าราคาต่ำกว่า low เดิม คือ 252.7 ก็จะต้องพิจารณาการนับ Elliott Wave ใหม่

(เพื่อการศึกษา โปรดใช้วิจารณญาณในการดูค่ะ)
30 นาที
Elliott Wave มองว่าการย่อ wave 2 น่าจะจบแล้ว โดย sub wave C มี 5 ขา คือ 1,2,3,4,5 ครบ
ที่แนวรับ Fibonacci retracement 88.6% ประกอบกับมีสัญญาณการกลับตัว Bullish Divergence
และการทำ sub wave 1,2 ลงมาที่แนวรับ Fibonacci retracement 61.8%
วัด Fibonacci retracement จาก sub wave 1,2 เป้าหมาย 261.8% = 283.5 , 423.6% = 293.5
ข้อควรระวัง
ถ้าราคาต่ำกว่า low เดิม คือ 262.3 ก็จะต้องพิจารณาการนับ Elliott Wave ใหม่





Enjoy Trading: ถ้าไม่ยอดตัดขาดทุน ความเหนื่อยในการเอาคืน จะทวีคูณ...

Enjoy Trading: ถ้าไม่ยอดตัดขาดทุน ความเหนื่อยในการเอาคืน จะทวีคูณ...: ถ้าเราขาดทุน แล้วจมอยู่กับการขาดทุนนั้น  แล้วมาถอดใจขายหุ้นทิ้งตอนที่มันลงมามาก ๆ ความเหนื่อยในการเอาคืน จะทวีคูณเป็นเส้นโค้งนะครับ

เช่น ถ้าเราปล่อยให้หุ้นร่วงไป 10% แล้วเราขายทิ้งตอนขาดทุน 10% เราก็จะมีเงินเหลือ 90 บาท ซึ่งการจะทำให้เงิน 90 บาท กลับคืนไป 100 บาทเท่าเดิม เราจะต้องทำกำไรจากเงินตั้งต้น 90 บาทให้ได้ 11.11% ถึงจะได้เงินเป็น 100 บาทเท่าเดิม แต่ถ้า..
ถ้าเราปล่อยให้หุ้นร่วงไป 50% แล้วเราขายทิ้งตอนขาดทุน 50% เราก็จะมีเงินเหลือ 50 บาท ซึ่งการจะทำให้เงิน 50 บาท กลับคืนไป 100 บาทเท่าเดิม เราจะต้องทำกำไรจากเงินตั้งต้น 50 บาทให้ได้ 100% ถึงจะได้เงินเป็น 100 บาทเท่าเดิม ..
เหนื่อยนะครับแบบนี้

ตอนนี้แบบนี้เลย IRPC เป็นต้น PE 25 อีก25ปี ถึงจะคุ้มทุน ว่าแต่ถึงตอนนั้้นบริษัทมันยังอยู่ปล่าว หรือว่าเน่ากว่านี้อีก





วันอังคารที่ 22/5/55

นำ "ข้อเท็จจริงในภาพรวม" มาให้ชมกันอีกครั้ง แบบอัพเดทถึงวันที่ 21 พ.ค. 55
ยอดซื้อขายสุทธิของฝรั่ง ก็ยังเป็นผู้กำำหนดทิศทาง SET Index อยู่เช่นเคย ส่วนรายย่อยไทยก็ซื้อขายสวนทางฝรั่งเหมือนเดิมทุกรอบ เป็นมาอย่างนี้ 5 ปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนวิกฤติแฺฮมเบอร์เกอร์
• ในขาขึ้น เพราะฝรั่งซื้อหนักติดต่อกันนานๆ หุ้นที่ฝรั่งที่ซื้อไว้ก่อนหน้าทุกๆ วัน ก็ยิ่งได้กำไรมากขึ้น ... ส่วนรายย่อยไทยขายสวนตลอด เมื่อมีหุ้นน้อยลงเรื่อยๆ แต่หุ้นยังขึ้น ก็ไม่รู้จะมีกำไรจากไหน
• ในขาลง เพราะฝรั่งขายหนักติดต่อกันนานๆ ของเดิมที่ฝรั่งลากขึ้นไปจนได้กำไรสูงแล้ว ก็ทยอยขายออกมา ราคาหุ้นหล่นแต่ก็ยังมีกำไร เพราะต้นทุนเดิมต่ำ ... ส่วนรายย่อยไทยซื้อสวนตลอด เมื่อมีหุ้นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ราคาหุ้นลดลงเรื่อยๆ ก็ขาดทุนมากขึ้นเรื่อยๆ
เล่นสวนทางกับผู้กำหนดทิศทางตลาด ก็มีแต่ทุนหาย กำไรหด สรุปคือ ... ตามฝรั่งไป หุ้นขึ้นต้องยิ่งซื้อเพิ่ม หุ้นลงต้องทยอยขาย ซึ่งวิธีง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ ก็คือดู "สรุปยอดซื้อขายสุทธิสิ้นวัน" แล้วมองแนวโน้มฝรั่งให้ออก ... ต่อให้เห็นข้อมูลนี้ช้าไปวันหนึ่ง (เพราะกว่าจะเห็นก็ตอนตลาดปิดแล้ว) ก็ยังไม่สายเท่าไร




SET 2012-05-21 , Week chart
ใช้ เทคนิค Fibo Projection , Trend Line , EMA และ Time Cycle
ลองดูครับ ... แต่เป็นแค่การคาดการณ์นะครับ ยังไม่แน่ว่าจะเป้น จริง หรือ ไม่



แรงซื้อ ของ SCC กับ BBL ถือเป็นสัญญาณที่ดี
ฝรั่งเริ่มจะเปลี่ยนใจไม่ขายแล้ว และ ตลาดหุ้นอาจจะไม่แย่อย่างที่หลายคนคิด
BANPU PTT PTTEP KBANK TOP ถูกตบโชว์ เพื่อให้รายย่อยกลัว
จนวันนี้ทำให้คนที่เท่าทุนก็ขาย ขาดทุนก็ขาย เพราะ กลัว ดัชนีทำ new low เราอาจะต้องอดทนอีก 2 วัน ถ้ากลับไปยืน 1148 ได้ เรื่องร้ายก็จบ ไม้เสี่ยงซื้อ ยังคงให้ทำงานต่อไป คนที่ซื้อเมื่อวาน ถ้าวันนี้ไม่หลุด พรุ่งนี้ก็หลุด BANPU จะจบคลื่น 5 วันสองวันนี้ แล้วจะ Rebound ไปที่ 540  IVL KTB เข้าทดสอบแนวรับสำคัญแล้ว

วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วันศุกร์ที่ 11/5/2555

คำแนะนำของพี่เปี๊ยกวันนี้ค่ะ

แนวรับหุ้นกลาง หุ้นเล็ก สำหรับเก็งกำไร
ชื่อหุ้น แนวรับ
CPF 40.00
CPALL 35.50
TVO 22.20
BAY 27.00
KK 33.50
TISCO 36.00
TK 12.00
GL 28.50
BLA 46.00
SCCC 323.00
SF 8.50
ROBINS 55.00
BTS 82.00
THAI 26.00
แนวรับหุ้นใหญ่ สำหรับเก็งกำไร
BBL 181
SCB 145
KBANK 153
KTB 16.50
PTT 335.00
PTTEP 171.00
PTTGC 65.00
TOP 64.00
BANPU 540
ADVANC 182.00
รายงานฉบับนี้ใช้ประกอบการตัดสินใจ โปรดใช้วิจารณาในการเล่นเก็งกำไร
และการเก็บหุ้นเพราะหุ้นกลางหุ้นเล็กต้องติดตามและมีจุดStop Loss
อย่างมีวินัยด้วย ถ้าไม่เคยเล่นก็อย่าเข้าไป ให้ดูเฉพาะหุ้นที่ตัวเองสนใจ
เท่านั้น ถือเป็นความเห็นจากณัฐวัฒน์ จากการดูกราฟ
ณัฐวัฒน์ Update 11.05.55

วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วันพฤหัสที่ 9/5/2555



ดัชนีปิดที่ 1,207.25 จุด ลบไป 23.79 จุด
ปริมาณการซื้อขาย 40,811 ล้านบาท
ต่างชาติขาย 2,357.69 ล้านบาท
สถาบันขาย 1,744.24 ล้านบาท
พอร์ตบล.ขาย 865.31 ล้านบาท
รายย่อยซื้อ 4,967.24 ล้านบาท
S50M12 (Last Price) 840.80 -21.3 Vol 24,490......^^

Goat Operation Completed !! 
... ปฏิบัติการ ล่อแพะขึ้นเขา ลวงเม่าขึ้นดอย
กว่าจะรู้ ก็หาทางลงไม่ได้แล้ว



วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

คำแนะนำพี่เปี๊ยก วันอังคารที่ 8 /5/2555

คำแนะนำของพี่เปี๊ยกวันนี้ค่ะ

แนวรับSet Index อยู่ที่ 1205 จุด
แนะนำซื้อหุ้นที่แนวรับ ดังต่อไปนี้
ชื่อหุ้น แนวรับ
PTT 344
SCC 342
PTTEP 172
BBL 185
KBANK 157
SCB 148
BAY 27
ADVANC 175
DTAC 77
TRUE 3.64
INTUCH 55
PTTGC 68
TOP 67.5
BANPU 554
CPALL 36
CPF 40
TUF 70
IVL 34
THAI 26
JAS 3.10
BTS 0.83
MAJOR 20.20
AOT 60.00
CPN 47.00
ROBINS 54
PS 15.70
SPALI 16.20
LH 7.20
รายงานฉบับนี้ใช้ประกอบการตัดสินใจ โปรดใช้วิจารณาในการเล่นเก็งกำไร
และการเก็บหุ้นเพราะหุ้นกลางหุ้นเล็กต้องติดตามและมีจุดStop Loss
อย่างมีวินัยด้วย ถ้าไม่เคยเล่นก็อย่าเข้าไป ให้ดูเฉพาะหุ้นที่ตัวเองสนใจ
เท่านั้น ถือเป็นความเห็นจากณัฐวัฒน์ จากการดูกราฟ
ณัฐวัฒน์ Update 08.05.55




วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

บันทึก พี่เปี๊ยก วันพฤหัสที่ 3/5/2555



คำแนะนำของพี่เปี๊ยกวันนี้ค่ะ

มุมมองตลาดของคุณณัฐวัฒน์ต่อหุ้นรายตัว
ใครตามตัวไหนอยู่ก็ถือเป็นความเห็นในการเล่นเก็งกำไร
ชื่อหุ้น ความคิดเห็น
STA อาจจะได้ถึง 21.30 บาท
HTC มารอบสองหรือเปล่า สำหรับนักเก็งกำไรให้ตามดู เล่นภายในวันได้
MINT แนวรับ 14 บาท แนวต้าน 15 บาท
PM ซื้อ 4.54 บาท ขาย 4.74 บาท พอเป็นไปได้
TIPCO น่าจะไปต่อได้อีกถึง 7.50 บาท
SIAM รายใหญ่เพิ่งเริ่มเล่น เป้า 4 บาท ผ่านได้ 4.50 บาท
ASP ซื้อ 2.40 บาท ขาย 2.60 บาท
KGI ซื้อ 2.34 ขาย 2.50 บาท
GL อาจได้เห็น 32 บาท
BLA ตามดู ถ้ามีแรงซื้อ ให้ Follow buy
THRE ตามดู ถ้ามีแรงซื้อ ให้ Follow buy
KAMART มารอบสองหรือเปล่า สำหรับนักเก็งกำไรให้ตามดู เล่นภายในวันได้
SAT มารอบสองหรือเปล่า สำหรับนักเก็งกำไรให้ตามดู เล่นภายในวันได้
CITY เล่นเก็งกำไร 2.64 บาท ขาย 2.80 บาท
TGPRO มารอบสองหรือเปล่า สำหรับนักเก็งกำไรให้ตามดู เล่นภายในวันได้
TPIPL เริ่มฟื้นตัว ใครชอบเก็บได้
BLAND เริ่มฟื้นตัว ใครชอบเก็บได้
CK เหมือนมีคนเก็บหุ้นอยู่
ITD หุ้นSideway ขนาดใหญ่ ถ้าผ่านแนวต้าน 4 บาทได้ จะไป 4.60 บาท
LH ซื้อเล่น Rebound แนวรับ 7.80 บาท
PF มารอบสองหรือเปล่า สำหรับนักเก็งกำไรให้ตามดู เล่นภายในวันได้
SF หุ้นขาขึ้น ย่อมาเล่นเก็งกำไรได้
PS เล่นเก็งกำไรแบบ Follow buy
TICON เล่นเก็งกำไรแบบ Follow buy
TUF เก็งกำไร ซื้อ 72.50 บาท ขาย 75.50 บาท
TVO ขายที่ 24 บาท
IVL ข้าม 36.50 บาทได้ จะไป 38.50 บาท
AJ ยืน 15.70 บาท ได้ไป 17 บาท
PTL ยืน 15.80 บาท ได้ไป 17 บาท
BBL แนวรับ 188 บาท
BAY แนวรับ 27 บาท
KBANK แนวรับ 158 บาท
KTB แนวรับ 17.80 บาท
SCB แนวรับ 148 บาท
TCAP แนวรับ 31 บาท
PTTGC แนวต้าน 72 บาท
SCC แนวรับ 346 บาท
SCCC หุ้นขาขึ้น ลงมาซื้อได้เลย
BANPU แนวรับ 560 บาท
AMATA หุ้นขาขึ้น ลงมาซื้อได้เลย
CPN หุ้นขาขึ้น ลงมาซื้อได้เลย
HEMRAJ หุ้นขาขึ้น ลงมาซื้อได้เลย
EASTW หุ้นขาขึ้น ลงมาซื้อได้
EGCO ซื้อเก็งกำไร แบบ Follow buy
ESSO ราคาต่ำ 11.80-12 บาท เก็บได้
RATCH ราคาต่ำ 42 บาท เก็บได้
TOP ราคาต่ำ 68 บาท เก็บได้
TTW เป้าอาจจะได้ 7 บาท
BJC แนวรับ 43 บาท อาจจะเด้งแรงได้
MAKRO เป็นหุ้นขาขึ้น ลงมาซื้อได้
ROBINS เป็นหุ้นขาขึ้น ลงมาซื้อได้
SINGER เป็นหุ้นขาขึ้น ลงมาซื้อได้
BEC แนวรับ 52 บาท
MCOT แนวรับ 29.50 บาท
RS แนวรับ 3.60 บาท ขาย 3.90 บาท
AOT หุ้นขาขึ้น ลงมาซื้อได้
BTS หุ้นขาขึ้น ลงมาซื้อได้
THAI แนวรับ 26 บาท แนวต้าน 30 บาท
CCET แนวรับ 2.90 บาท แนวต้าน 3.10 บาท
DELTA แนวรับ 25 บาท แนวต้าน 27 บาท
AIT แนวรับ 61 บาท แนวต้าน 65 บาท
THCOM แนวรับ 16 บาท แนวต้าน 17 บาท
TRUE แนวรับ 3.70 บาท แนวต้าน 3.90 บาท
CMO ผ่าน 1.90 Follow buy
HYDRO แนวรับ 6.40 บาท
PYLON เก็งกำไรในวันได้
SPCG แนวรับ 16.50 บาท แนวต้าน 17.50 บาท
รายงานฉบับนี้ใช้ประกอบการตัดสินใจ โปรดใช้วิจารณาในการเล่นเก็งกำไร
และการเก็บหุ้นเพราะหุ้นกลางหุ้นเล็กต้องติดตามและมีจุดStop Loss
อย่างมีวินัยด้วย ถ้าไม่เคยเล่นก็อย่าเข้าไป ให้ดูเฉพาะหุ้นที่ตัวเองสนใจ





วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สรุป พอร์ตล่าสุดรายตัว ของ ดร.นิเวศน์ ทะลุกว่า 2800 ล้าน +


 สรุป พอร์ตล่าสุดรายตัว ของ ดร.นิเวศน์ ทะลุกว่า 2800 ล้าน +vote   ติดต่อทีมงาน

พอร์ตลงทุน ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และคู่สมรส ทะลุ 2,821 ล้าน

CPALL จำนวนหุ้น 22,500,000 หุ้น ราคาปิดวันที่ 30/4/55 76.50 บ. มูลค่าพอร์ต 1,721,250,000 บ.
HMPRO จำนวนหุ้น 46,401,904 หุ้น ราคาปิดวันที่ 30/4/55 14.00 บ. มูลค่าพอร์ต 649,626,656 บ.
IT จำนวนหุ้น 11,000,000 หุ้น ราคาปิดวันที่ 30/4/55 11.00 บ. มูลค่าพอร์ต 121,000,000 บ.
MBK จำนวนหุ้น 1,000,000 หุ้น ราคาปิดวันที่ 30/4/55 95.25 บ. มูลค่าพอร์ต 95,250,000 บ.
IRC จำนวนหุ้น 5,400,000 หุ้น ราคาปิดวันที่ 30/4/55 11.70 บ. มูลค่าพอร์ต 63,180,000 บ.
BAFS จำนวนหุ้น 4,000,000 หุ้น ราคาปิดวันที่ 30/4/55 14.00 บ. มูลค่าพอร์ต 56,000,000 บ.
JMART จำนวนหุ้น 7,000,000 หุ้น ราคาปิดวันที่ 30/4/55 6.90 บ. มูลค่าพอร์ต 48,300,000 บ.
AS จำนวนหุ้น 2,000,000 หุ้น ราคาปิดวันที่ 30/4/55 17.00 บ. มูลค่าพอร์ต 34,000,000 บ.
METCO จำนวนหุ้น 120,000 หุ้น ราคาปิดวันที่ 30/4/55 188.00 บ. มูลค่าพอร์ต 22,560,000 บ.
SVOA จำนวนหุ้น 8,000,000 หุ้น ราคาปิดวันที่ 30/4/55 1.26 บ. มูลค่าพอร์ต 10,0800,000 บ.
รวม 2,821,246,656 บาท

(จากจำนวนหุ้นที่ปรากฎในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่) ....ยังไม่รวมหุ้นที่มีอยู่แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นผู้ที่หุ้นใหญ่ ซึ่งคาดว่าอีก หลายร้อยล้าน
แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 55 01:44:38
จากคุณ: Art-Pae-PanTip  
เขียนเมื่อ: 2 พ.ค. 55 01:09:31 

วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ข้อคิดจากเแกยุทธ อัญชํญบุตร

SET Smart Club : สโมสรนักลงทุนอันชาญฉลาด on Wednesday, March 28, 2012 at 8:05pm ·



5พฤติกรรมรู้ทัน'เจ้ามือ'เล่นหุ้นไม่ตกเป็นเหยื่อ!



เอกยุทธ อัญชันบุตร







กระชากหน้ากาก “เจ้ามือ” ในตลาดหุ้น มี 5 พฤติกรรมปั่น หลอกแมงเม่าเข้าปิ้ง เผยวิธีดู Bid-Offer ที่จะได้รู้ทัน “เจ้ามือ” เอกยุทธเตือนรายย่อยเล่นหุ้น อย่าโลภ-อย่าเป็นเสือหวน



นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานบริหารเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า อยากแนะนำวิธีในการพิจารณาดู Bid-Offer (ฝั่งซ้าย-ฝั่งขวา) ให้กับนักลงทุนรายย่อยว่า จะมองอย่างไรถึงจะรู้ว่า ราคาหุ้นจะวิ่งขึ้น-วิ่งลง ซึ่งข้อมูลทั้งหมด ขอยืนยันว่า ไม่ใช่สูตรสำเร็จตายตัว แต่เป็นเพียงมุมมองหนึ่งที่ศึกษาจากประสบการณ์ส่วนตัวที่คลุกคลีอยู่ในแวดวง ตลาดหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เห็นภาพอะไรบางอย่างชัดเจนว่า ตลาดหุ้นแต่ละประเทศจะมีรูปแบบการเล่นที่ไม่เหมือนกัน



“โดยเฉพาะกับตลาดหุ้นในเมืองไทย ที่ต้องยอมรับกันว่า ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การกำหนดเกมของ “เจ้ามือ” เป็นหลัก จึงจะขอวิเคราะห์จากตลาดเมืองไทยเป็นหลัก และนี่ก็ไม่ใช่ตำราที่จะนำไปใช้อ้างอิงใดๆ เป็นเพียงมุมมองของคนที่อยู่ในแวดวงตลาดหุ้น ที่ไม่อยากให้นักลงทุนรายย่อยทั้งหลายต้องตกเป็น “เหยื่อ” อันโอชะให้ “เจ้ามือ” ทั้งหลายกอบโกย...เฉพาะอย่างยิ่งกับ “เจ้ามือ” ที่อาศัยฐานอำนาจรัฐมาเป็นเกราะป้องกันให้ตัวเอง สร้างความร่ำรวยบนความทุกข์ระทมของคนอื่น”นายเอกยุทธกล่าว



สำหรับ 5 หลักการคร่าวๆ ที่ขอแนะนำให้นักลงทุนรายย่อยได้พึงสังเกตพฤติกรรมและวิธีการเล่นของ “เจ้ามือ” ว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากหุ้นแต่ละตัวนั้น จะมีปัจจัยพื้นฐานและความน่าสนใจที่แตกต่างกัน จึงต้องมีรูปแบบการเล่นที่ไม่เหมือนกัน ดังนี้...คือ



1.พฤติกรรมย่ำราคา โดยสังเกตได้จาก Bid ด้านซ้าย จะหนามากๆ และมีปริมาณการซื้อ-ขายที่มาก ในระดับราคาที่ยืนอยู่นิ่งๆ นานๆ โดยแนะนำให้สังเกตดูเป็นรายชั่วโมง เพราะจะสามารถแยกรูปแบบการเล่นนี้ ออกได้เป็น 2 ลักษณะคือ



1.1 ย่ำราคาเพื่อเรียกร้องความสนใจ...จะ เป็นการสร้าง Volume แบบหนามากๆ ตลอดเวลา โดยราคาไม่ได้พุ่งขึ้นตามไป ถือว่าเป็นการ “โชว์” ให้นักลงทุนได้เห็นว่า หุ้นตัวนั้นๆ มีแนวโน้มที่จะ “เล่น” กันในระยะเวลาอันใกล้นี้ เปรียบได้กับเป็นอีกรูปแบบที่ “เจ้ามือ” ทยอยเก็บของ เพราะหาก “เจ้ามือ” ซัดช่องขวาเข้าไปเมื่อไหร่ ราคาจะวิ่งขึ้นทันที

1.2 ย่ำราคาเพื่อทุบลง...เป็นการสร้าง Volume แบบหนาๆ เพื่อหลอกล่อให้นักลงทุนเข้ามาเล่น จากนั้นหากได้จังหวะ ก็จะยก Bid ทิ้งออกไป เพื่อตบราคาให้ร่วงลงมา หากนักลงทุนรายใด “ตกใจ” และ “เทขาย” ของออกมา ก็จะทำให้ “เจ้ามือ” เก็บของในราคาที่ถูกลงได้อีก



“พฤติกรรมย่ำราคานี้ ให้สังเกตดีๆ ว่า จะมี Volume หนาแน่นมาก 2-3 ช่องในด้านซ้าย (Bid) ซึ่งไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก”



2.พฤติกรรมสร้าง Volume มากๆ แบบผิดสังเกต โดยที่ราคาไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก อาจขึ้น-ลง แค่ 1-2 ช่อง...วิธีนี้ให้นักลงทุนรีบย้อนหลังกลับไปดู Volume การซื้อ-ขายอย่างต่ำ 1-2 เดือน เพราะหากดูประวัติย้อนหลังแล้วพบว่า Volume การซื้อ-ขายน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลยนั้น แต่อยู่ๆ กลับมีขึ้นมาอย่างผิดสังเกต ถือว่า “เจ้ามือ” กำลังสร้าง Volume เพื่อเตรียมทำราคา วิธีการนี้หากนักลงทุนรายใด มีหุ้นตัวนั้นๆ อยู่ในมือก็ให้ท่องจำอยู่ในใจว่า “อย่าขาย” เด็ดขาด เพราะมีโอกาสสูงมากที่จะทำราคากันขึ้นไปเล่นในเร็ววัน



“พฤติกรรมสร้าง Volume หนักๆ เช่นนี้ โดยราคายังนิ่งๆ ทั้งที่แต่เดิม Volume ของหุ้นนั้นแทบจะมีน้อยมาก หรือไม่มีเลย ทำให้นักลงทุนบางคนอาจตื่นตระหนก แล้วรีบเทขายออกมา เพราะเห็นว่า หุ้นที่ตัวเองถืออยู่นี้ ราคาไม่ได้วิ่งมานาน จึงกลัวจะต้องถือยาวกว่านี้ เมื่อเทขายหุ้นออกมา ก็เข้าทาง “เจ้ามือ” ที่วางกลอุบายเอาไว้แล้ว และสามารถเก็บของได้เพิ่มขึ้นอีก”



3.พฤติกรรมลากไปติดดอย มีวิธีสังเกตคือ ฝั่ง Offer จะหนามาก ในขณะที่ Bid จะเบาบาง และมีราคาวิ่งขึ้นตลอด ถือว่าเป็นยุทธวิธีที่ “เจ้ามือ” วางกับดักล่อ โดยจะกินช่องขวา (Offer) ตลอด เมื่อมีคนแห่เข้ามาเล่นตามในช่องขวาเป็นจำนวนมาก ถึงจุดหนึ่งที่ “เจ้ามือ” จะออกของก็จะไล่ราคาร่วงลงมาได้ในทุกระดับ เพราะเจ้ามือสามารถออกของได้ทุกระดับราคาอยู่แล้ว โยนออกมาไม้ไหนก็มีแต่กำไร



“พฤติกรรมนี้ ให้นักลงทุนสังเกตให้ดีๆ ว่า หากมีการไล่ราคาในช่องขวา (Offer) ขึ้นไปกันหลายช่องและวิ่งขึ้นตลอด อย่าเข้าไปซื้อเด็ดขาด เพราะถ้าเข้าไปก็มีสิทธิติดยอดดอยกันได้ วิธีที่ดีที่สุดคือ รอให้มีการทุบราคาลงมาจนเห็นสีแดงนานๆ ก็อาจเข้าไปซื้อได้ แต่ต้องดูประวัติย้อนหลังของหุ้นตัวนั้นๆ ด้วยว่า น่าเล่นหรือไม่”



4.พฤติกรรมเจ้ามือใหญ่เล่นหุ้นปั่นตลอด ให้สังเกตว่า Volume ทั้งด้านซ้าย (Bid) และด้านขวา (Offer) จะหนามากๆ และตลอดเวลา อีกทั้งราคาจะมีการวิ่งขึ้น-ลง วันละ 10-20 ช่องตลอด ซึ่งรูปแบบการเล่นเช่นนี้ ขึ้นกับนักลงทุนเองว่า จะมีความเร็วในการ “เข้า-ออก” หรือไม่ เพราะราคาจะสวิงขึ้น-ลงตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องสังเกตเป็นพิเศษคือ หากราคาไปหยุดนิ่งอยู่ที่ระดับไหนนานๆ ให้ตระหนักไว้เลยว่า มีสิทธิที่จะลากขึ้นไปไกล หรือทุบลงมาอย่างแรงได้ทั้งสองทาง จึงขึ้นกับความไวของตัวนักลงทุนเอง



“วิธีนี้ขึ้นกับตัวเจ้ามือแล้วว่า จะทำให้นักลงทุนติดยอดดอยกันในระดับราคาไหน เพราะเขาสามารถออกของได้ทุกระดับราคา จากนั้นเมื่อทุบร่วงลงมาก็จะเข้าไปช้อนซื้อเก็บไว้ จากนั้นก็จะนำกลับมาเล่นกันใหม่ หุ้นลักษณะนี้จะพบว่า มีการเล่นกันตลอดทั้งสัปดาห์ อาจมีหยุดบ้างก็ 1-2 วัน แต่ Volume ก็ยังมีให้เห็นอยู่”



5.พฤติกรรมเจ้ามือใหญ่เล่นหุ้นปั่นเป็นรอบ วิธีนี้จะเล่นกันสัปดาห์ละครั้ง หรือสองครั้ง จึงขอให้นักลงทุนต้องย้อนกลับไปดูประวัติย้อนหลังของหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำ สุดที่นิ่งนานๆ บวกกับการดูราคาที่วิ่งขึ้นไปสูงสุดว่าอยู่ที่เท่าไหร่ แล้วนำมาหารครึ่ง เพื่อดูราคาว่า ระดับไหนถึงจะซื้อได้ ตัวอย่างเช่น หากหุ้นตัวนั้น เคยอยู่ที่ระดับต่ำนิ่งๆ ประมาณ 4 บาท แต่มีการทำราคาไล่ขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 12 บาท ดังนั้น ราคาที่เหมาะสมที่น่าจะซื้อได้จึงอยู่ที่ระดับ 8 บาทต่อหุ้น (12-4 = 8)



“พฤติกรรมการเล่นเป็นรอบนี้ นักลงทุนต้องพึงระวังว่า เจ้ามืออาจจะกลับมาเล่น หรือไม่เล่นเมื่อไหร่ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับความน่าสนใจของหุ้นตัวๆ นั้นว่า เป็นที่สนใจของนักลงทุนหรือไม่”



นายเอกยุทธ กล่าวต่อว่า วิธีการทั้งหมดนี้...อยากบอกว่า เป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องใช้เวลาในการศึกษาและติดตามอย่างใกล้ชิด ตนไม่สามารถยกตัวอย่างหุ้นเป็นรายตัวออกมาให้เห็นได้ เพราะเกรงจะมีข้อกฎหมายตามมาภายหลัง แต่เชื่อว่า หากนักลงทุนที่เล่นหุ้นกันอยู่ในตลาดหุ้นไทย คงรับทราบดีว่า หุ้นตัวไหน เป็นหุ้นที่เข้าข่ายใด ใน 5 พฤติกรรมข้างต้น เพื่อที่จะได้รู้ว่า ตัวเราเองจะเล่นแบบไหน และจะสังเกตวิธีการที่เจ้ามือเล่นกันได้อย่างไร แต่ที่สำคัญคือ นักลงทุนต้องพึงระลึกว่า “อย่าโลภ” ถ้าอยากเล่นหุ้นปั่น หากได้กำไรแค่ไหน จงนึกเสมอว่า...อย่าเป็น “เสือหวน” เด็ดขาด



“เชื่อว่า หากนักลงทุนเข้าใจในหลักการนี้แล้ว ต่อไป...บรรดา “เจ้ามือ” ทั้งหลายก็คงต้องมีวิวัฒนาการใหม่ๆ ออกมา เพื่อไม่ให้ “รายย่อย” ได้ตามทัน มิเช่นนั้น... “เจ้ามือ” เองก็คงไม่สามารถ “ล่อ” แมงเม่าให้เข้ามาในกองไฟได้อีก โดยเฉพาะกับ “เจ้ามือหน้าเหลี่ยม” และลูกน้องทั้งหลาย!!!”นายเอกยุทธกล่าวทิ้งท้าย



*******************************



5พฤติกรรมรู้ทัน'เจ้ามือ'เล่นหุ้นไม่ตกเป็นเหยื่อ!



คอลัมน์...เอกยุทธอินไซเดอร์



โดย...เอกยุทธ อัญชันบุตร



ที่มา : ข่าวจากทีมงาน ThaiInsider.Com



ขอบคุณแหล่งข้อมูลครับ

พอร์ท ดร.นิเวศน์ VI Thailand ปี 2555

http://bit.ly/JiUa0y