วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วันพุทธที่ 23/5/55




กับดักรายย่อย....รายย่อยควรรู้เรื่องของกับดักรายย่อย ไม่ใช่แค่คำบอกเล่าจาก นักวิเคราะห์แนวรับ แนวต้าน (ซึ่งก็เป็นกับดักแบบหนึ่ง)หรือ เรื่องข้อมูลข่าวสารจากห้องค้า ล้วนมีส่วนเป็นกับดักให้รายย่อยเสียรู้ และถูกจูงให้เป็นไปตามทิศทาง แต่รายย่อยต้องหรือควรเรียนรู้ กฎธรรมชาติของรายใหญ่ กลยุทธไล่ซื้อ แล้วมีต้นทุนแค่ไหน เวลาขายจะขายถึงประมาณเท่าใด จึงนับว่ารีดแห้ง ไม่มีของขาย และอื่น ๆ

หุ้นที่อาจโดนบังคับขาย : 23/5/55
jas thcom htc yuasa malee cpall top pttgc true
หุ้นที่ใช้มาจิ้นซื้อมากที่สุด :
jas กับ siri

ใครมี ระวังใว้เหอะ คนที่ถือแบบมาจิ้น ถ้าหุ้นลง25% จะโดนบังคับขายครับ

คำศัพท์ สำหรับสถานะการ์ณตลาดช่วงนี้
  •  SBL ย่อมาจาก Securities Bollowing and Lending ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการทำ Short Sell ให้กับผู้ให้ยืม และผู้ที่ขอยืมหลักทรัพย์ ซึ่งเครื่องมือนี้ ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ขจัดความเสี่ยงอย่างหนึ่ง
  • แนวคิด ผู้ขอยืมคาดการณ์ว่าหลักทรัพย์ตัวนั้น มีแนวโน้มราคาปรับตัวลง ดังนั้นจึงขอยืมหลักทรัพย์มาขาย ณ ราคาตลาดปัจจุบัน และต้องซื้อคืนเพื่อส่งมอบให้แก่เจ้าของตามกำหนด
  • ประโยชน์ที่จะได้รับ 
  1. ผู้ขอยืม - มีโอกาสในการทำกำไรจากส่วนต่างของราคา หากการคาดการณ์เป็นจริง
  2. ผู้ให้ยืม - ได้เงินสดมาหมุนเวียน, สิทธิในการรับปันผล หรือประโยชน์ต่างๆ ยังมีเหมือนถือหลักทรัพย์อยู่, แทบจะไม่มีความเสี่ยงเลย
  3. โบรกเกอร์ - ได้ค่าธรรมเนียม
ปัจจุบันมีโบรกเกอร์เพียงไม่กี่บริษัทที่ให้บริการ และปัจจุบันรายย่อยสามารถทำ Short Sell ได้แล้ว หมายเหตุ อย่าสับสนระหว่าง Short Sell กับ Short Againt Port เพราะไม่เหมือนกัน
  •  Short Againt Port เป็นหลักทรัพย์ที่เราเป็นเจ้าของเอง เพียงแต่ขายออกไปก่อน แล้วไปซื้อคืนกลับมาทีหลัง

ตลาดหุ้นไทย Overreaction กลัวเกินเหตุหรือพิษสงของ SBL ในรอบ10วันทำการที่ผ่านมาขณะที่หุ้นไทยติดลบไป 7.81% ประเทศที่น่าจะมีปัญหามากกว่าเราหากกรีซจบคือ เยอรมัน,ฝรั่งเศส ตลาดหุ้นเขากลับติดลบน้อยกว่าเราคือ 1.92 และ 2.46 % ตามลำดับ .....จ้าวไทยดุนะครับ (Source:Stockcharts.com)
ตลาดหุ้นโลกรอบ1เดือน ศูนย์กลางของปัญหา เยอรมัน,ฝรั่งเศส กลับลบน้อยตอนนี้น่าจะเป็นเพราะเขารู้ว่าเขาเป็นจ้าวมือ จะชี้ทางให้ตลาดการเงินของโลกไปทางไหนก็ได้ เขาเป็นผู้กำหนด http://screensnapr.com/e/trNuYN.png





แนวคิดของ คิม พ่อลิงน้อย
 ในการซื้อหุ้น หลาย ๆ คนชอบซื้อหุ้นราคาำต่ำ แต่เพราะหุ้นที่ราคาต่ำแล้วก็อาจมีราคาต่ำกว่าให้เห็นได้ ไม่ได้มีอะไรเป็นเครื่องมือยืนยันเลยว่าราคาที่ต่ำแล้วจะไม่มี "ต่ำกว่า" ที่สำคัญราคาต่ำไม่ได้แปลว่าจะปรับตัวขึ้นไปได้ มันเป็นคนล่ะเรื่อง เพราะราคาหุ้นในขณะใด ๆ ก็คือราคาที่เหมาะสมของมันในขณะนั้น 
ตัวอย่างปัจจุบันก็ BANPU ที่ราคาทำนิวโลว์ทุกวัน คนที่เข้าไปซื้อคิดว่าถูกมากแล้ว แต่ผ่านไปวันเดียวก็ลงต่อ ตอนราคา 550 เข้าใจว่าถูกเหลือเกินจึงรีบซื้อ เพราะลงมาจาก 7-800 บาท ขนาดผู้บริหารยังซื้อเลย ตอนนี้คงไม่ต้องบรรยาย การพายเรือทวนน้ำหรือเล่นหุ้นสวนกระแส รู้อยู่ว่ามันเป็นขาลง คนเลิกเล่นกันแล้ว แต่ก็เข้าไปซื้อ เพียงแค่คำว่า "ถูก" ซึ่งคนส่วนใหญ่เข้าใจผิด คำว่า "ถูก" กับคำว่า "มีโอกาศในการปรับขึ้น" ว่าเป็นอย่างเดียวกัน แต่จริง ๆ ไม่ใช่เลย ดังนั้นการซื้อหุ้น ให้ซื้อเมื่อคิดว่ามันมีโอกาศจะปรับราคาสูงขึ้นเท่านั้น นั่นคือให้ยึดกฎว่า "หุ้นที่ซื้อต้องขึ้น" ตามกฎ
1) สะสมหุ้นในจังหวะสะสม หยุดทำจุดต่ำสุดใหม่แล้ว หรือที่ผมบอกประจำ ๆ ในกราฟว่า Bottom Out
2) เลือกกลุ่มที่นิยม หรือหุ้นนำตลาด
3) เลือกหุ้นเด่นในกลุ่ม มีพื้นฐานประกอบ
4) ซื้อตามกระแสขาขึ้น คือพายเรือตามน้ำ
5) ใช้กราฟเทคนิคบอกจังหวะในการซื้อ
นอกจากนั้นคือ อย่าหวังกำไรน้อย, ให้เล่นรอบใหญ่ ขายเมื่อมีสัญญาณ และขาลงอย่าพัวพัน ไปผิดทางต้องตัดขาดทุนให้เร็ว อย่าปล่อยให้เรื้อรัง (อันนี้โดนเจ้าของ Blog IRPC Roud down pattern )

แนะนำ: ในแนวโน้มขาลงเช่นนี้ เมื่อได้ทำการลดพอร์ท ควรนำเวลาว่างมาใช้ประโยชน์โดยการสกรีนหุ้นและวา่งแผนในรอบหน้า ว่าควรทำอย่างไร เมื่อมีเวลาเหลือ หมั่นศึกษาจากหนังสือในแนวที่ตนเองชอบ ใครชอบเทคนิคก็อ่านเทคนิคแล้วลองฝึกฝน ใครชอบพื้นฐานก็มองหาหุ้นดี ๆ รอเวลาถูก ๆ ใครชอบ VI ก็มองหาหุ้นแนว VI ที่ราคาลงมาต่ำกว่าพื้นฐาน ส่วนคนที่ชำนาญบ้างแล้วควรหาหนังสือเกี่ยวกับกลยุทธมาเพิ่มเติมความรู้ เมื่อถึงเวลาที่ควรเข้าซื้อหรือเพิ่มพอร์ท ก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลาสกรีนหุ้นใหม่ วางแผนใหม่ จะได้มีเวลาติดตามเรื่องราคาที่เหมาะสมต่อไป 

ทำไมวินัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการลงทุนในการเก็งกำไร หากถึงจุดที่พอใจและต้องขาย ท่านก็ต้องขาย แม้มันจะดูน่าซื้อมากกว่าน่าขาย หรือในเวลาที่ขาดทุน หากท่านตั้งเป้าว่าจะตัดขาดทุนที่เท่าไร เมื่อถึงจุดนั้นก็ต้องทำทันที ไม่ลังเล หรือลองมาดู ตัวอย่างวินัยที่สำคัญเช่น
1. เมื่อหุ้นจบขาขึ้นและกำลังเป็นขาลง หากท่านขายหุ้นหมด แล้วเลิกเล่นหุ้นสักระยะ ทำได้หรือเปล่า
2. เมื่อมีหุ้นเก็งกำไรวิ่งกันทั่วจอ ยั่วยวนให้เข้าไปซื้อ หากท่านต้องดูอย่างเดียวไม่เข้าไปซื้อ เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าหุ้นพวกนี้ไม่เหมาะสมกับเรา ทำได้หรือเปล่า
3. เมื่อซื้อหุ้นและเริ่มมีกำไร หากท่านไม่ขายแต่รอแบบติดตาม ให้กำไรมันเพิ่มขึ้นจนกว่าจะหมดรอบ ทำได้หรือเปล่า
4. เมื่อซื้อหุ้นที่คิดว่ามันจะขึ้นกลับลง หากท่านต้องขายตัดขาดทุนออกมา ทำได้หรือเปล่า
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นวินัยการลงทุนในสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งคนที่มีวินัยและทำได้อย่างเคร่งครัดจะมีกำไรในตลาดหุ้นได้ แต่หากท่านทำไม่ได้เพราะมันฝืนจิตใจจนสมองไม่สามารถสั่งการให้ทำงานได้ ก็ควรไปเอาดีด้านการเล่นหุ้นสไตล์ VI หลักการเล่นหุ้นที่ดีต้องเอาอารมณ์และจิตใจออกไปให้มากที่สุด มีการวางแผนการเล่น จุดขายกำไร จุดตัดขาดทุน เล่นตามแผนจะช่วยเรื่องวินัยได้ดีั หากทำไม่ได้ก็ไม่ควรเฝ้าจอ
นอกจากวินัยก็อาจมีนิสัยด้านอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น การขี้ตกใจ, ขี้กลัว, โลภมาก, เชื่อคนง่าย, ขี้กังวล ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการรักษาวินัยการเทรด 

การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินกินดอกเบี้ยซึ่งปลอดภัยกว่า เราจึงต้องกำหนดกฎเกณฑ์หรือกลยุทธง่าย ๆ ที่จะทำให้เราสามารถทำกำไรและลดความเสี่ยงไปได้พร้อม ๆ กัน ดังนี้
1) เราต้องรู้ว่าเรากำลังทำอะไร ยอมรับความเสี่ยงได้ระดับไหน เท่าไร และหากผิดแผนเราจะทำอย่างไร
2) ควรกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ไม่ถือหุ้นน้อยเกินไปหรือมากเกินไป 5-10 ตัวกำลังพอดี น้อยไปแค่ 1-2 ตัวหากผิดพลาดก็จะเกิดผลร้ายแรง มากเกินไปเราก็ไม่สามารถเข้าใจหรือติดตามมันได้ดีพอ
3) พยายามมองไกล ๆ วิเคราะห์ว่าวันข้างหน้าราคาจะเป็นอย่างไร และวางแผนการลงทุนเสมอ หากเรามั่นใจว่าไม่เสี่ยงก็ถือต่อได้ แต่ในระยะสั้น หุ้นมักผันผวน คาดการณ์ยาก ดังนั้นการเล่นสั้นจึงมีความเสี่ยงสูง
4) เลือกบริษัทที่มีผลงานดี สม่ำเสมอ เพราะคาดการณ์ได้ง่าย บริษัทที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายดูยากมาก หากข่าวร้ายมากระทบโดยที่เราไม่ได้ระวังก็จะเกิดความผิดพลาดตามมา
5) เลือกบริษัทที่มีหนี้น้อยหรือไม่มีเลย เพราะโอกาศขยายงานทำได้ง่าย ในขณะที่บริษัทที่หนี้เยอะต้องนำเงินไปชำระหนี้และดอกเบี้ย โอกาศล้มก็มีได้สูง
6) เลือกบริษัทที่ปันผลสม่ำเสมอ อย่างน้อยหากผิดแผนเอาแต่ Sideway ไม่ยอมขึ้น อย่างน้อยก็ได้กินดอกเบี้ยที่ดีกว่าธนาคาร แล้วรอวันที่เขาจะแสดงอภินิหาร เราก็กำไร
7) ติดตามผลการดำเนินการของบริษัทสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะด้านกำไร, ความโปร่งใสของผู้บริหาร, คู่แข่ง
8) หมั่นติดตามข่าวเศรษฐกิจ การเงิน ภาวะตลาดหุ้น หากเกิดข่าวร้ายระดับมหภาค มักจะกระทบกันทั่วโลกและเกิดการซึมลง ส่วนข่าวร้ายระดับภูมิภาคแบบประเดี๋ยวประด๋าว ก็จะเกิดการเทขายในระยะเวลาสั้น ๆ
9) ใช้เงินเย็นในการลงทุน หลีกเลี่ยงการกู้เงินหรือการใช้มาร์จิ้น เพราะหากเกิดปัญหา เราจะแก้ไขไม่ได้ สุดท้ายก็จะล้ม






นักวิเคราห์มองว่าหุ้นวันนี้ลงไม่มากแล้ว แต่วันนี้ 23/5/55 หุ้น SET ปิด 1110.70  
ไม่มีใครใกล้เคียงเลย ^__^ 










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น