10/3/55
คิดว่าหลายคนคงกังวลไม่น้อยว่าวันจันทร์เปิดมาเซ็ทจะดิ่งลงไปอีกกี่จุด
1150 จะรับไหวไม๊จะไปถึง 1133 ไม๊ หากไปถึงจะทำยังไง
หากคิดว่ามันจะหลุด และไปถึง 1133 แต่ทุกคนก็ยังซื้อหุ้น... ผมก็ไม่เข้าใจ
หากเชื่อมันลงไปได้ขนาดนั้น ซื้อหุ้นทำไม ความคิดขัดแย้งกันไปหมด
ดูทั้งเซ็ท ดูทั้งข่าว ดูทั้งทีวีหุ้น หันไปทางซ้ายฟังนักวิเคราะห์
กำลังพากย์หุ้นหน้าจอทีวี ผมไม่ทำอะไรเลย ปิดทีวี เปิดเพลงฟัง
รายการวิเคราะห์หุ้นในระหว่างเทรด ปิดเลยไม่ฟัง
มันเป็นสิ่งเร้าที่ทำให้ผมไม่มีสมาธิได้ สายตาผมจะมองแค่หุ้นเป้าหมาย
หุ้นที่มีอยู่ในพอร์ต หากตัวไหนสนใจ ผมจะจดไว้ แล้วมาวิเคราะห์
วางแผนที่จะซื้อ หากกราฟมันใช่ ผมก็จะรอจังหวะ หากกราฟมันไม่ใช่
แต่หุ้นวันนี้วิ่งเอาๆ ขึ้นเอาๆ ผมก็ไม่สนใจ หุ้นที่จะไปต่อได้ ไม่ใช่เห็นว่ามันขึ้นแรงวันนี้
โอวๆๆ มันเขียวมากๆ ใส่เลย กลัวตกรถ ทำตัวเป็นชาวไล่กลัวไม่ทันใจ
โทรบอกน้องมาร์ เคาะขวาเลยน้อง แบบนี้ ต้องหัดปิดจอเทรด ปิดทีวี
ไปนอนแช่น้ำในอ่างเย็นๆ แล้วนอนพักผ่อนให้สบายๆ จะดีกว่า
จิตใจต้องนิ่ง สนใจในสิ่งที่ทำ ติดตามผลของมัน
แล้ว....อย่าลืมไปดูความหมายของ อิทธิบาทสี่ (หัวใจของนักลงทุน)
อิทธิบาท 4 ธรรมะที่ใช้ในการทำงาน ประกอบด้วย...
1. ฉันทะ คือ ความรักงาน-พอใจกับงานที่ทำอยู่
2. วิริยะ คือ ขยันหมั่นเพียรกับงาน
3. จิตตะ คือ ความเอาใจใส่รับผิดชอบงาน
4. วิมังสา คือ การพินิจพิเคราะห์ หรือ ความเข้าใจ
เซ็ทลงแรง ทำอะไรกับหุ้นดี
หากเซ็ทลงแรง แล้วคุณมีหุ้นอยู่ตัวหนึ่งซึ่งผ่านการวิเคราะห์มาแล้ว
ว่าอยู่ในแนวโน้มขึ้น ขณะที่เซ็ทลงแรง คุณก็หวั่นไหวไปด้วย...
สองจิตสองใจ ขายดี หรือถือไว้ก่อนดี
คำถามคือคุณเชื่อว่ามันอยู่ในแนวโน้มขึ้นก็ไม่ต้องขาย มันอาจจะมีการเหวี่ยงตัวบ้าง
สุดท้ายก็คือมันขึ้นเสมอ ผมเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมนอน ไม่สนใจ
ผมเชื่อว่า มันย่อมไปตามแนวโน้มเสมอ แต่หากหุ้นที่คุณมี มันอยู่ในแนวโน้มลง
หรือมีโอกาสที่จะปรับลงแรงพอเจอข่าวร้าย หรือเซ็ทลงแรง แม้คุณอยากจะขาย
คุณก็ขายไม่ทันหรอกครับ ผมถึงบอกเสมอ ถือหุ้นที่อยู่ในแนวโน้มขึ้นเท่านั้น
ตรวจสุขภาพพอร์ต หุ้นที่มีอยู่ในแนวโน้ม ขึ้น หรือ ลง
หุ้นที่ผมมี เมื่อผมวิเคราะห์ว่ามันขึ้น ผมถือ นักวิเคราะห์จะแนะนำขาย ก็เรื่องของเขา
กราฟไม่เคยโกหกผมหากคุณเชื่อว่าขึ้น แล้วคนบอกว่าต้องขาย
คุณหวั่นไหวกับสภาพแวดล้อมมากไป คุณนั่นในห้องค้า ทุกคนพูด
คุณได้ยินหมด ว้าวุ่น แล้วสุดท้าย คุณพลาด
หากคุณดูหุ้นระหว่างเทรด ฟังทีวีวิเคราะห์ไปด้วย มีคนถาม นักวิเคราะห์ก็ตอบว่า มันไม่ดีแล้วต้องขายคัทลอส คุณทำยังไง หุ้นนั้นคุณมี แต่คุณก็วิเคราะห์ว่ามันดี คุณขายตามนักวิเคราะห์ คุณขาดทุนไปแล้ว อีกวันต่อมามันขึ้นกระฉูด คุณจะโทษใคร ผมย้ำเสมอจิตนิ่ง อย่าหวั่นไหว ในสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง มีเหตุผลรองรับ
Kanit Thassana กราฟที่ดีและไม่หลอก หุ้นนั้นต้องมีสภาพคล่อง หากไม่มีสภาพคล่อง คนทำกราฟหลอกได้ กราฟเกิดจากการกระทำของคน ของมวลชน
ซื้อหุ้นอะไรดีผมไม่แนะนำนะ แต่หยิบมาประกอบให้สติเตือนกัน
หากใครเข้าใจว่าผมแนะนำต้องคิดใหม่นะ
ข่าวว่าตัวนั้นจะวิ่ง เจ้ามือจะลากไปชนเพดาน
นักวิเคราะห์แนะนำให้ขาย บอกว่าราคาสูงเกินไป
ฟังอีกช่อง นักวิเคราะห์อีกคนบอกน่าซื้อสะสม ไม่แพง มีปันผลรองรับ
... ราคานี้เข้าได้ไม่เสี่ยง หากราคาปรับลงก็ซื้อเพิ่มเฉลี่ยต้นทุน
ผมได้ยินได้ฟังสิ่งเหล่านี้บ่อยๆ ผมเป็นคนค่อนข้างอ่านหนังสือ
เรียนรู้ทุกอย่างทั้งดีและไม่ดี ไม่มีอะไรฟรีในโลกนี้
หากใครเคยเข้าไปในกาสิโน คนนิยมไม่น้อยคือ บาคาร่า
(เขียนตรงนี้ ไม่ได้แนะให้เล่น) ทุกอย่างมีบริการ ฟรีหมด
กระดาษจดสกอร์ มีให้เต็มที่พร้อมปากกาสองหัวสองสี
สถิติ มีให้เลือกดู แต่พอคุณดู สับสน ไม่เข้าใจ ก็ตามคนอื่น
คนนั้นเฮง เฮ ใส่เงินวางไป เปิดไพ่ออกมา เจ้ามือกินเรียบ
ผมอยากให้เห็นอะไรบางอย่าง กับคนที่เล่นการพนัน
ผมเคยสงสัย ทำไมคนนึงได้ หลายคนเสีย
ผมมีเพื่อนเป็นนักการพนันตัวยง เรียกว่าอาชีพเพื่อน
คือการเล่นการพนัน เล่นจนรวย
... แต่คนอีก 99% ทำไมมันต้องขายบ้าน จำนองที่ดิน ขายเมียเล่น
สุดท้ายหมดตัว เป็นแค่ซากศพเดินได้ในบ่อนกาสิโนที่เขมร
แล้วผมจะเปรียบบางอย่าง จากกการพนันกับการลงทุน
คนเล่นพนันแล้วเสีย ผมจะบอกว่าเพราะอะไร
แต่ที่เขาเล่นรวย ผมไม่พูด เพราะผมไม่แนะนำให้เล่นการพนัน
คนเล่นพนันเสียหมด ไม่ใช่ไม่รู้เกม รู้เกมดี แล้วทำไมจึงเสีย
เขาเป็นคนโลภ ได้ไม่เอา เสียไม่ยอม ชั่วโมงเดียวได้มา 1 หมื่นไม่พอใจ
นั่งเล่นต่อ สุดท้ายเท่าทุน พอขาดทุน รับไม่ได้ จะเอาชนะ
เข้าเนื้อจนถึงกระดูก หมดตัว ซมซานออกจากบ่อนกาสิโน
นักลงทุน หากโลภ มีกำไรขายไม่เป็น ขออีกสักช่อง สองช่อง จะขายแล้ว
พอมันลง น่า เดี๋ยวมันก็ขึ้น ลงอีกจนเท่าทุน ยังไม่รู้สึกตัวเข้าเนื้อ รับไม่ได้
สุดท้ายถือหุ้นที่มีกำไรจนกลายเป็นขาดทุน แล้วปลอบใจตัวเอง
ผม ดิฉัน เดี๊ยน เป็นนักลงทุนระยะยาว 5555555555555
ไปขายตอนมันลงไปลึกๆ พร้อมจะกลับตัวขึ้นแล้ว
ขายเสร็จมันวกกลับ ตาค้างมองดูมันขึ้น ไม่กล้าซื้อตาม
งามหน้าเลยทีนี้ เพราะขายขาดทุนไปจนบักโกรก มานั่งมองมันขึ้น
สบถในห้องค้า หรือด่ากระซิบในใจ ยังงี้ทุกที ตรูขายปุ๊บมันขึ้นปั๊บ
พอตรูซื้อปั๊บมันลงปุ๊บ แล้วจะหาเงินจากตลาดหุ้นได้ยังไง
เพราะคนคนนั้น มีนิสัยของนักการพนัน ได้ไม่เอา เสียไม่ยอมรับรองครับว่าไม่มีทางหาเงินได้ จากตลาดหุ้น
ใครเป็นบ้าง ปรับปรุงตัวเองนะครับ ที่เขาให้มาเหมือนฟรี มันไม่ฟรีหรอก
เขาต้องการให้เรามีการกระทำ คือซื้อ ขาย บ่อยๆ
บ่อยมากเท่าไรยิ่งดี คุณกำไร เขาไม่ได้เดือดร้อน
คุณขาดทุนเขาก็ไม่ได้เดือดร้อน เขากินคุณทีละน้อย เขาก็รวยจนไม่รู้จะรวยยังไง
.....เหลียวซ้านและขวา ได้เห็นนักพากย์หุ้นหน้าจอทีวี ตัวนี้ ดี มีปันผลรองรับ
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วสูงมากดีกว่าการฝากธนาคาร แล้วไม่ซื้อตอนนี้ จะรอเมื่อไร
ซื้อกันเสร็จมันลง นักวิเคราะห์พากย์ต่อ มันลงมาถือเป็นโอกาสดี ทำให้เราได้ซื้อเพิ่ม
หากคิดเปอร์เซ็นต์จากการที่ได้รับเงินปันผลมันแสนจะคุ้ม
นักพากย์ไม่ได้รู้หรอก คนที่ฟังน่ะ เล่นสั้น ไม่ได้ถือยาวเป็นปี
ไม่เคยรู้ว่า เงินที่จะซื้อเพิ่ม มันหมดไปตอนที่แนะนำครั้งก่อนนักลงทุนเอง ก็ฟัง
แต่อาจจะไม่ได้พิจารณา ว่าที่เขาพากย์วิเคราะห์มานั้น
มันเป็นการลงทุนระยะยาว ยาว ยาว แต่คุณอยากเล่นแค่ข้ามวัน หรือสัปดาห์
แห่เข้าตามไปมันก็หน้าหงาย โดนรายใหญ่ยันกระเด็น
ผมไม่โทษนักวิเคราะห์ หรือนักลงทุนเป็นเพราะความรู้ไม่เท่าทันจิตใจตัวเอง
ไม่มองว่า เรามีจุดประสงค์อย่างไรการลงทุนจึงเกิดการผิดพลาดได้บ่อยๆ
พอหุ้นลงมากๆ นักพากย์คนเดิมก็จะมาบอกอีกครั้ง
การที่หุ้นลง เพราะปัจจัยพื้นฐานของบริษัท มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางลบ
อ้าวววววววว ก็ไม่นานมานี้ยังยืนยันมั่นเหมาะว่า พื้นฐานเจ๋งอยู่นี่ ไหงเป็นงั๊นไป กลุ่มที่ไปในทิศทางเดียวกับตลาด
การดูกราฟขั้นพื้นฐาน ก่อนที่จะดูกราฟ สิ่งที่ต้องดูก่อนกราฟคือภาพของตลาด
มันเป็นขาขึ้นหรือว่าขาลง แนะนำให้เล่น เทรดในตลาดขาขึ้น จะมีโอกาสมากกว่า
... การเทรดขาลง คนที่เขี้ยวลากดิน จึงจะมีโอกาส
หากนักลงทุนหน้าใหม่ หรือยังพรรษาน้อย ควรหลีกเลี่ยง
หากว่า ดูตลาดว่าเป็นขาขึ้นแล้ว จากนั้น ไปดูกลุ่ม กลุ่มไหนนำตลาด
พลังงาน ธนาคาร ที่ดิน การเงิน หรืออื่น11/03/2012
คือกลุ่มที่ต้องมอง เมื่อมองกลุ่มอุตสาหกรรมแล้ว ก็มามองหุ้นในกลุ่มนั้น ๆ
ตัวที่เป็นผู้นำ หรือมีสภาพคล่องสูงในการเทรด
เรื่องตัวหุ้น มันก็อยู่ที่นักลงทุน และหน้าตักด้วย
เมื่อเลือกตัวหุ้นได้ จึงมาดูกราฟของหุ้นตัวนั้น
การดูกราฟ สิ่งแรกที่อยากให้ดูคือ momentum
หุ้นจะขึ้นได้ momentum ต้องไม่ต่ำกว่า 100
หากหุ้นที่นักลงทุนสนใจ แต่ momentum ยังไมถึง 100
ก็ดูว่า มันยกสูงขึ้นหรือไม่ แล้วเฝ้าดู ไม่จำเป็นต้องรีบซื้อ
momentum ที่ยกสูงจากระดับต่ำกว่า 100 มาจนเกือบถึง 100
ไม่ได้หมายความว่ามันต้องทะลุ 100 นะครับ
มันอาจจะวกลงต่ำก็ได้ หากมันยืนตรง 100 หรือมากกว่า ซื้อครับ
แรงเหวี่ยงของ momentum จะดึงให้หุ้นขึ้นไป
ผมยังไม่ได้ให้ดูราคาเลยนะนี่ หาก momentum มันเกิน 100 มันขึ้นแน่นอน
ค่าของ momentum ควรตั้งไว้ที่ 14 วัน อ่านทวนแล้วลองไปดูในกราฟ
ดูตัวที่ momentum เกิน 100 จดเอาไว้ หาให้ได้สัก 5-10 ตัว
แล้วมากรองให้เหลือแค่ 3 ตัว
momentum คือ indicator ตัวหนึ่งครับ อย่าลืมใส่เส้นค่าเฉลี่ยของ momentum ด้วยนะครับ ใช้ 14 วันเหมือนกัน ให้ใช้ค่า ema
การดูกราฟขั้นพื้นฐาน 2
.....เมื่อเราดู momentrum เกิน 100 แล้ว
จากนั้นเราก็จะดู macd เครื่องมือที่บ่งชี้แนวโน้มหรือทิศทางของหุ้น
จะต้องเกิดสัญญาณซื้อโดย macd ซึ่งนักลงทุนคงเข้าตรงนี้ดีอยู่แล้วนะครับ
แท่งเทียนราคาวันสุดท้าย
อาจจะสูงกว่าวันก่อนหน้าหรือต่ำกว่าก็ได้ซึ่งหากเราดูแค่แท่งเทียน
หากแท่งเทียนสุดท้ายปรับลง
เราก็กังวลได้ว่า พรุ่งนี้คงหรืออาจจะลงต่อ
แต่เมื่อเราใช้ momentum macd มาจับการเคลื่อนไหวกราฟ
เราก็มั่นใจว่า มันขึ้นแน่นอน อาจจะวันรุ่งขึ้นหรือถัดไป
เมื่อเรามั่นใจ เรากล้าซื้อหุ้นนั้นแน่นอน
หากเราดูแค่ macd แม้มันจะมีการเกิดสัญญาณซื้อ
แต่หากว่า momentum มันต่ำกว่า 100 มันขึ้นแรงๆไม่ได้และอาจจะออกข้างๆ ไปเลย
macd บ่งชี้แนวโน้ม ไม่ได้บอกว่าหุ้นจะขึ้นได้แรง
บอกเพียงว่า หุ้น เริ่มมีทิศทางบวกคือเริ่มที่จะเข้าแนวโน้มขึ้น
แต่
momentum บ่งชี้ถึงแรงเหวี่ยง แรงกระชากที่จะมีต่อหุ้นตัวนั้นนักลงทุนได้เห็น indicator ทั้งสองตัวนี้ ก็สามารถตัดสินใจได้
แต่
การจะถือครองหุ้นไปนานเท่าไร หรือว่าจะขายตรงไหน
ต้องไปดูสัญญาณตัวอื่นนะครับ
สำคัญก็คือ หาจุดซื้อที่ดีที่สุดให้ได้ก่อน กำไรเท่าไรพอใจ ก็ขายออกไป
หรือจะถือต่อไป เมื่อมันยังขึ้นต่อ ก็พิจารณามีอะไรที่พอจะเป็นประโยชน์ ผมจะโพสให้อ่านแต่อ่านด้วยการพิจารณาไม่มีใครรู้หมดทุกสิ่งอย่าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น