ความเสี่ยงตลาดหุ้นอยู่ในระดับต่ำเกินไปหรือไม่
by เทพ คำนวณ on Monday, March 12, 2012 at 10:29am ·
ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ปรับตัวลดลงจากความกังวลว่า นักลงทุนต่างประเทศจะไม่เข้าซื้อหุ้น เนื่องจากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศในวันพฤหัสนักลงทุนต่างประเทศเริ่มมีการขายสุทธิออกมา 1667 ล้านบาท แต่ยังดีที่วันศุกร์นักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อสุทธิ 2477 ล้านบาท ทำให้นักลงทุนที่ไม่กล้าซื้อหุ้นในช่วงวันศุกร์ก็คงเสียดายกันไป
ตลาดหุ้นช่วงนี้เลยนักลงทุนไม่ต้องทำอะไรเยอะ เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ก็คงติดตามแค่ยอดซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศก็ทำให้ซื้อขายหุ้นได้อย่างสบายใจ เน้นเก็งกำไรในหุ้นขนาดใหญ่หน่อยก็ปลอดภัยแล้ว แต่เท่าที่ผมได้ตามตัวเลขเม็ดเงินซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นแถบเอเชีย ผมเริ่มเห็นแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศที่ค่อนข้างเยอะในตลาดหุ้นเกาหลี และไต้หวันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขถึงวันพฤหัส นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ไป 953 ล้านเหรียญ ตลาดหุ้นไต้หวัน 298 ล้านเหรียญ แต่ยังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยไป 105 ล้านเหรียญ เมื่อเปรียบเทียบขนาดของเม็ดเงินที่ขายในตลาดหุ้นเกาหลี และไต้หวัน ผมคิดว่า การเข้าซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในไทย น่าจะเริ่มลดลงเนื่องจากเม็ดเงินที่เข้าซื้อในไทยนั้น เป็นเพียงแค่ 1 ใน 10 ของเงินที่ขายออกไปในตลาดเกาหลี และไต้หวัน ทำให้เม็ดเงินเข้าซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยไม่น่าจะสวนกับทิศทางของเม็ดเงินของนักลงทุนต่างประเทศที่เริ่มมีการขายสุทธิในตลาดหุ้นหลักอย่างเกาหลี และไต้หวันได้แน่นอน
ส่วนแนวโน้มของตลาดหุ้นในตลาดประเทศนั้น ช่วงนี้นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจไปที่การปรับโครงสร้างหนี้ของประเทศกรีซ ซึ่งมีข่าวว่าเจ้าหนี้ยอมรับข้อเสนอในการแลกเปลี่ยนพันธบัตรชุดเก่า เพื่อถือครองเป็นพันธบัตรชุดใหม่แทน ผลจากการแลกเปลี่ยนพันธบัตรในครั้งนี้ จะทำให้คนที่ถือครองพันธบัตรชุดเก่าอยู่ต้องขนาดทุนถึงกว่า 75% งั้นก็หมายความว่า “นักลงทุนที่ถือพันธบัตรของกรีซเดิมนั้น จะต้องรับผลขาดทุนถึง 75%ของมูลค่าการลงทุน” ก็ถือว่าเป็นข่าวดีของกรีซคนเดียวเท่านั้นสิครับ ส่วนบรรดาธนาคาร กองทุน รวมไปถึงนักลงทุนที่ถือพันธบัตรของกรีซจะต้องรับผลขาดทุนหรือ 3 ใน 4 ส่วนเลยนะครับ
ถ้าธนาคารต้องรับผลขาดทุนจากการลดยอดหนี้ของพันธบัตรกรีซชุดเดิม ผลการดำเนินงานของหุ้นในกลุ่มธนาคารกลางก็ต้องแย่ลง และมีความเสี่ยงที่จะต้องเพิ่มทุนสำหรับบางธนาคารที่มีเงินกองทุนอยู่ในระดับต่ำ ตรงจุดนี้ อาจเป็นสัญญาณการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงรอบใหม่ก็เป็นไปได้ เพราะเมื่อผมเข้าไปดูดัชนีวัดความผันผวนหรือ VIX Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้ดูความเสี่ยงของตลาดหุ้น สถานการณ์ในตอนนี้ความเสี่ยงถือว่าอยู่ในระดับต่ำมาก แต่การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นในช่วงวันอังคารนั้น อาจเป็นสัญญาณการเริ่มต้นของการปรับฐานก็เป็นไปได้ เพราะการขาดลดยอดหนี้ของพันธบัตรที่ถือครองอยู่ลงไป 75% ธนาคารก็ต้องลดลงรับผลขาดทุนในส่วนนี้ไป
Source: Bloomberg
สำหรับในสัปดาห์นี้ ผมคิดว่า หุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี รวมไปโรงกลั่น จะมีโอกาสในการปรับตัวลดลง เนื่องจากแนวโน้มของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ จะเริ่มชะลอตัวลงจากการประกาศลดเป้าหมายของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลงสู่ระดับ 7.5% ซึ่งจะมีผลทำให้ความต้องการในสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง และเมื่อผมเข้าไปดูแนวโน้มของหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมีในตลาดหุ้นเกาหลีก็เห็นว่า แนวโน้มของราคาหุ้นปิโตรเคมีลดลงไปแล้ว และอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หุ้นในกลุ่มโรงกลั่นมีโอกาสปรับตัวลดลง เนื่องจากการเพิ่มปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบจาก 42 วันไปเป็น 64 วัน หรือเพิ่มสต๊อกน้ำมันขึ้นอีกกว่า 50% จึงทำให้ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมันของหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นเพิ่มขึ้น และราคาหุ้น TOP ก็ปรับตัวลดลงไปล่วงหน้าแล้ว
Source: Bloomberg
เขียนวันที่ 9 มีนาคม 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น