วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

บรรดาสมาชิกช่วยตอบคำถามเพื่อใช้เป็นกรณีศึกษา : เจอหุ้นหนึ่งตัว ทำอะไรบ้างก่อนจะซื้อ ตอบเป็นข้อๆ ( เพื่อประโยชน์ส่วนรวมในการศึกษา )
  • หา story ครับว่าอะไรจะทำให้หุ้นขึ้นแล้วก็ใช้จินตนาการวาดเรื่องราวขึ้นมาคร่าวๆ แล้วก็มาดูงบการเงิน ดูผู้ถือหุ้นถ้าผู้บริหารถือหุ้นอยู่ด้วยก็ดี สุดท้ายดูราคาครับ ถ้าแพงไปก็เก็บไว้ในใจก่อน หาตัวอื่นๆต่อไป อันนี้เป็นแนวทางของผมนะครับ คิดผิดบ้างถูกบ้างเรื่อยไป 

MOS-------->Margin Of safety--------> Margin Of Satisfy.---------->Moa hai modd.
การหา MOS นั้น คุณต้องรู้ว่า
1.หุ้นที่คุณซื้อ อยู่ในช่วงไหน หมี หรือ กระทิง
2.หุ้นที่คุณซื้อ มี "ความสม่ำเสมอ" ในการทำกำไรหรือไม่
3.คุณคาดหวังอะไรจากการซื้อ หุ้น ตัวนั้นๆ
4.หุ้นที่คุณซื้อ เป็นหุ้นประเภทไหน ใน หุ้น 6 ประเภท ตามคำนิยาม ของ ปีเตอร์ ลินซ์
5.คุณ จะจัดการหุ้น ตัวนั้นอย่างไร เมื่อคุณรู้แล้วว่า มันเป็นหุ้นประเภทไหน ตามคำนิยามของปีเตอร์ลินซ์
6.ในกรณี ที่คุณเจอ หุ้น ที่ถ้าเป็น ปู่ บัฟเฟต์ ซื้อ แล้วแกจะไม่ยอมขาย คุณ จะขายไม๊ ไม่ว่ามันจะร่วงอย่างรุนแรง หรือ ขึ้นไปจากจุดที่คุณซื้อหลายเท่า
7.ตอนที่ซื้อ ให้จำลองราคาที่มันจะร่วงลงไปมากๆ แล้วคิดว่า จะทำใจ อย่างไร ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีใครรู้ว่า มันจะลงสุดเมื่อไหร่ หรือ ขึ้นสุดแค่ไหน สิ่งที่สามารถช่วยได้ แต่ "แค่ระดับหนึ่ง" คือ คุณสามารถใช้เทคนิคมาช่วยได้ แต่สิ่งที่ทำหลังจากนั้น แตกต่างโดยสิ้นเชิง คือ เราจะไม่กำหนดกำไรระยะสั้น แต่ เราจะดู การเติบโต ของหุ้นในระยะยาว นอกเสียจากคุณจะรู้ "พฤติกรรม"ของหุ้น หรือ คุณวิเคราะห์ผิดพลาด (ซึ่งไม่ว่าใครก็เป็นได้ เมื่อรู้แล้วก็กลับตัวเสีย อย่ารั้น )การวิเคราะห์ที่ผิดพลาด ต้องเกิดจาด ปัจจัยทางพื้นฐานของหุ้นเท่านั้น ไม่ใช่ เทคนิค
8.จงเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองวิเคราะห์ และ ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับ หุ้นตัวอื่น จงพอใจ ในหุ้นของตัวเอง แล้วจะไม่ร้อนรน รีบขายทำกำไร เพื่อไปตามตลาด
9.สิ่งที่ทำให้มากๆ ไม่ใช่เฝ้าจับจ้องราคาหุ้น
สิ่งที่ต้องทำให้มากคือ อ่านข่าวสารรอบตัว พักผ่อนให้พอเพียง ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และ สุดท้าย ทำชีวิตให้มีความสุข การลงทุนที่ดีที่สุด คือ การลงทุนกับความสงบทางจิตใจของตัวเอง

ทำครับ เพราะมันจำเป็นมาก อย่างน้อยก็ 
  1. ข้อแรกนี่ ถ้าไม่รู้นี่ จบกันเลยนะครับ กระทิง แล้วซื้อหุ้นที่คิดว่ามันถูก พอหมีตื่น หุ้นที่คิดว่าถูก นี่ ถูกได้อีก นะครับ 
  2. ส่วนข้อ 2 นี่ ต้องอ่านงบการเงินประกอป การตัดสินใจ เราต้องหา ขุมทรัพย์ กับระเบิดเวลาที่ซ่อนไว้ในงบการเงินครับ
  3. ข้อที่ 3 ซื้อหุ้นเพเราะอะไร ก็ขายเพราะเหตุนั้นครับ เช่น ซื้อเพื่อเก็งกำไร ก็ ขายเพราะเก็งกำไร ซื้อหุ้น เพราะพื้นฐานดี ก็ขาย เพราะ พื้นฐานมันเปลี่ยนไป หากซื้อหุ้นพื้นฐานดี ในราคาถูก และ ตอนที่เป็น หมี ผมอาจจะไม่ขายก็ได้ หึๆ ถึงต้องรู้ว่า เป็นช่วงไหนของตลาด
  4. ข้อ 4-5-6-4-8-9 เป็น ทฤษฏี ที่ต้องมาทำในภาคปฏิบัติ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับจิตใจล้วนๆ ที่ต้องฝึกฝนครับ 
  • การใช้เวลาเกี่ยวกับหุ้น มันอยู่ที่ตอนแรกเริ่มเข้าตลาด ผมใช้เวลา ศึกษามันทุกตัว ยกเว้นกลุ่มที่ผมไม่ชอบ เช่น อสังหา 
  • พอหลังจากนั้น 2ปี มันก็ซึมซับเข้าไป เวลา เห็นหุ้นตัวไหนที่กำไรโดดเด่น ก็จะเข้าไปดูอีกที ใช้เวลา ประมาณ 1-2 วัน โดยมาก ตอนที่ซื้อจะใช้เทคนิค มาตัดสินใจครับ พอถือได้แล้ว ก็จะมาดู ให้ละเอียดอีกที ว่าจะถือระยะไหน ตามเหตุผล 9 ข้อที่กล่าวมา 
ทำไมถึงไม่ชอบหุ้นอสังหา พอจะบอกได้มั๊ยครับ เดายากครับ มันเป็นไปตาม รอบวัฎจักรเศรษฐกิจ รอบใหญ่ สินทรัพย์ที่แสดง จะเป็น สินทรัพย์ที่รอการขาย หรือ เงินลงทุน อันนี้ ก็ต้องเดา ไม่ถนัดอ่ะครับ พูดง่ายๆ

  • ดูผลการดำเนินงานย้อนหลัง สามปี อย่างน้อย ความสามารถในการคาดการณ์ประมาณการผลการดำเนินงานที่ผ่านมาว่าเป็นไง ผู้บริหารมีวิสัยทัศแค่ไหน ผบห นั่นแหละที่เป็นเรื่องยาก เพราะ หาก ผบหไม่โปร่งใส เงินสามารถ ยักยอกได้ง่ายๆเลย ตะปู โลละพัน เหล็กเส้น ลดสเป็ก แต่ตีบัญชีข้าม เป็นต้น 
  • ราคาหุ้นสุดท้ายจะกลับมาสะท้อนภาพที่แท้จริงได้เสมอ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น